วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2559

(MIE-Fanfiction)Blues Blood Burn(SMJ)

เอนทรี่นี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ
 
 
(ขโมยมุกน้องยูมา เพราะฟิกนี้มัน18+....มั้ง)
 
จะว่าไงดีล่ะ......... เป็นแฟนฟิค NPC ของคอมมูสายลับ MIE .....ที่ยังไม่เปิดเล่นจริง........(แต่ชิปปิ้งกันกระจุยแล้ว) คู่ Mr.S of MIS& Mr.M of MIE กั๊บ
 
และเนื่องจากคอมมูนี้ยังไม่สมบูรณ์ทุกอย่างจึงเป็นจินตนาการล้วนล้วนล้วนนนนนนนนนน
 
*เท้าความ อีตาลุงเอสนี่....จะว่าไงดีล่ะ เป็นคาแรกเตอร์ที่เราผุดขึ้นมาใช้สำหรับโรลเล่นในทวิตเตอร์กับMr.Mที่เป็นหัวหน้าของคอมมูนิตี้MIE รั่วแร่ดเกรียนจนไม่น่าจะเอามาเป็นดราม่าได้
 
แต่ด้วยแรงจินตนาการของแฟนอาร์ตและแฟนฟิกที่คนในคอมมูทำให้เรือลำนี่ผงาดแล่นไปมาบนTLอย่างร่าเริงสดใส...แม้ชิปไปๆจะเรือล่ม #พรากกก
 
ความสัมพันธ์ตัวละคร
 
S=Mr.S of MIS=เซอร์ฮฺวา อัล ซิลเวียน SIROIS AL SYLVAIN หัวหน้าฝ่ายผู้ร้าย
M=Mr.M of MIE=ไคเลอร์ ไมลส์ มิลลาร์ด KYLER MYLES MILLARD หัวหน้าฝ่ายเอเจนต์
J=Joker of MIS=แจคคิล (Jackyle) หรือ ไคลส์ (Kyle) มือขวาของฝ่ายผู้ร้าย
 
อ่านเถอะ
 
Blues Blood Burn

ลมหนาวที่ลอดตัวผ่านช่องหน้าต่างของตึกเก่าแก่ ที่สร้างแบบโบราณพัดมากระทบร่างที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง ไหล่หนานั้นสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อความเย็นเยียบกระทบผิวเปลือยเปล่า ซิลเวียนยันลุกขึ้นจากเตียงหนานุ่มด้วยสีหน้ากราดเกรี้ยว

เขานิ่ว หน้าเมื่อที่หางคิ้วซ้ายเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ซิลเวียนไล้ปลายนิ้วไปตามรอยแผลเก่าบางเบาที่ประดับอยู่ที่หางคิ้ว คำนึงถึงความหลังเลือนรางจนแทบจางหายเช่นเดียวกับแผลเป็นนั้น

ความหนาวเย็นของเบอร์ลินกลางฤดูหนาว ผนังอิฐเย็นเฉียบของคุกใต้ดิน และความเย็นเยียบของกุญแจมือ

แต่ ที่ดูจะเด่นชัดมากกว่า....คือความร้อนของร่างกายที่แนบชิดอยู่ ริ้วเลือดที่รินไหลลงมาจากหน้าผาก และความรุนแรงของอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน

........................................

ย้อน กลับไปเมื่อตอนที่เขายังใช้ชีวิตอยู่ภายในเงาของตระกูลเซอร์ฮฺวา ในเวลาที่ตัวเขายังคงถูกล้อมรอบไว้ด้วยความอ้างว้างและมืดมิดจากความตายที่ มอบให้ผู้คนตามคำสั่งของผู้เป็นบิดา

ความอบอุ่นเดียวที่เขาพอจะได้ สัมผัสบ้างคือความร้อนของควันปืนและไออุ่นของร่างกายเหยื่อที่เขาลงมือ สังหาร ที่จริงตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนขี้หนาวนักแต่ไม่รู้ว่าทำไมอุณหภูมิร่างกายเขา ถึงเย็นเฉียบอยู่เสมอ

อาจเป็นเพราะความมืดมิดนั้นแช่แข็งเขาเข้าไปถึงในหัวใจ...และแพร่ขยายออกมาถึงผิวกายของเขาแม้จะอยู่ใต้แสงแดดอันอบอุ่นก็ตาม

ใน บางครั้งเขาจึงรู้สึกอารมณ์ดีกว่านิดหน่อยเมื่อเป็นภารกิจลอบฆ่า มีดคือสิ่งที่เขาพอใจที่จะใช้ อาวุธเรียบง่ายที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษไม่เหมือนกับอาวุธปืนที่เพียงเล็งแล้ว ลั่นไก ความรู้สึกใกล้ชิดระหว่างเขากับเป้าหมายมันต่างกันมาก

ปลาย มีดที่ชำแรกผ่านผิวหนัง สัมผัสของเลือดเนื้อและกระดูกที่บาดผ่าน ความต้านของร่างกายที่โอบรับแรงดันมีดจากในมือ ความอบอุ่นของเลือดที่สาดฉานลงมาที่ปลายนิ้วและใบหน้า

ความหลงใหล เล็กน้อยนี่ทำให้เขาติดวิธีการคิดแบบนี้มาจนเป็นนิสัยเสียนิดหน่อยเมื่อเขา แฝงตัวมาอยู่ใน MIE เพราะทุกครั้งที่เขาได้เห็นร่างชายหนุ่มผมดำที่ร่ำลือกันว่าเป็นอนาคต ของMI6รุ่นต่อไป และเป็นเป้าหมายอันยอดเยี่ยมในการสืบความลับภายในMI6ระยะยาว

แผ่น หลังที่ยืดตรงสมบูรณ์แบบและดวงตาสีฟ้าที่เย่อหยิ่งในแบบของคุณชายที่ถูก เลี้ยงดูมาอย่างเพียบพร้อม ทำให้ซิลเวียนนึกถึงคำว่า เลือดสีน้ำเงินแห่งขัตติยะ ซึ่งดูจะเป็นคำที่เหมาะกับไคเลอร์ ไมลส์ มิลลาร์ด ดี และปฏิเสธไม่ได้ว่าบางทีซิลเวียนก็อยากจะลองพิสูจน์ดูว่าเลือดนั่นเป็นสี น้ำเงินจริงหรือไม่..

........................................

แต่ บางสิ่งก็พาเขาออกไปจากความลุ่มหลงนั้น เมื่อถูกจับจ้องไว้ด้วยสีน้ำเงินอมฟ้าในดวงตาคมกริบของสายลับฝึกหัดหนุ่มผู้ มากความสามารถ หากว่าขาดไร้ซึ่งเสน่ห์และมนุษยสัมพันธ์ อันเป็นสิ่งที่ซิลเวียนถูกปลูกผังไว้อย่างล้นเหลือ

ในวูบแรกที่พบ หน้า ความรู้สึกหลายหลากที่นักฆ่าเลือดเย็นแบบเขาไม่น่าจะมีได้ผุดขึ้นมาจนเขา สงสัย ความประทับใจที่มาพร้อมกับความไม่น่าประทับใจ ความหลงใหลระคนริษยา รวมไปถึงความหวาดกลัวการเปิดเผยตัวตนตัวตนให้อีกฝ่ายดูเขาออกได้ราวกับ ส่องกระจก

ซิลเวียนรู้สึกเหมือนเหยื่อในคราวนี้ของเขา ไคเลอร์ มิลลาร์ด ดูจะยากต่อการต่อกร

"นาย นี่มันเสแสร้งเก่งชะมัด" ชายหนุ่มผมสีเข้มกล่าวเสียงเบาแต่ชัดเจนพอที่อีกฝ่ายจะได้ยินแบบจงใจ ซิลเวียนหันไปหาต้นเสียงด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

"คุณอยากให้ผมสอนให้ มั้ยล่ะครับ จะได้มีคนคบบ้าง" หน้ากากรอยยิ้มบนใบหน้าถูกปลดลงชั่วคราว เขาคิดว่าคงไม่ต้องใช้ทักษะนั้นเวลาที่มันไม่ได้ผล

ชายหนุ่มหน้าขรึมใช้สายตาที่ราวจะฆ่ากันได้จ้องมองกลับ "ชั้นไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น"

"สายลับน่ะเสน่ห์ถือเป็นอาวุธนะ"อีกฝ่ายยิ้มเจิดจ้า กล่าวเสียงนุ่มทิ้งท้าย  "และคุณก็ไร้เสน่ห์สิ้นดีเลย"

รอย ยิ้มที่ซิลเวียนรู้ว่าตนไม่ได้เสแสร้งผุดขึ้นที่มุมปาก เขารู้สึกถึงความเสี่ยงในการเข้าใกล้ การเปิดเผยตนที่ไม่มีหน้ากากปกปิดคือสิ่งที่อันตราย แต่ซิลเวียนก็ไม่สามารถละสายตาตัวเองออกไปจากชายหนุ่มผู้นี้

........................................

บาง ทีการที่เงามืดจะหลงใหลในแสงสว่างอาจเป็นสิ่งที่โง่เง่าที่สุดที่มันจะทำ เพราะยิ่งเข้าใกล้ความสว่างสไวเท่าไหร่ ความมืดมิดของเงาก็คล้ายจะชัดเจนขึ้น

เช่นเดียวกับซิลเวียนในตอนนี้ ที่ความสนใจในสีฟ้าแปรเปลี่ยนจากเลือด มาที่ดวงตา และลงท้ายด้วยการถูกสีฟ้านั้นดึงดูดไว้ ฉุดกระชากเขาออกไปจากความมืดมิดและเปิดเผยตัวตนที่เขาไม่เคยให้ใครเห็นมา ก่อน

ยิ่งเข้าใกล้ ยิ่งได้ใช้เวลาร่วมกัน ยิ่งทำให้เขาหลงใหล ไมลส์เหมือนกับท้องฟ้าสีน้ำเงินสดของฤดูร้อน อบอุ่น เจิดจ้า และอาจจะบริสุทธิ์สว่างจนเกินไป ตัวตนของเขาและอดีตที่ผ่านมาทำให้ซิลเวียนไม่กล้าจะเอื้อมมือคว้า

แม้ ว่าสัตว์ร้ายในส่วนลึกของเขาอยากจะครอบครองแสงสว่างนั้นแค่ไหน แต่ซิลเวียนก็พอใจที่จะได้เพียงอยู่เคียงข้างแม้จะไม่เคยได้บอกความรู้สึก ของตน

........................................

ภารกิจระยะ ยาวในการแฝงตัวเข้ามาสืบความลับในตระกูลของตนเอง ซิลเวียนอยากหัวเราะกับโชคชะตาที่ล้อเล่นเช่นนี้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาแปลกใจเท่าไหร่ ในเมื่อเขารู้มาว่าทาง MI6 เริ่มระคะระคายเรื่องที่ตระกูลเซอร์ฮฺวาจะเป็นรังของผู้ก่อการร้าย

และ แน่นอนว่าอดีตของเขาอาจได้เผยตัวแล้วต่อมิสเตอร์เอ็ม ผู้บังคับบัญชาที่ใช้อำนาจส่งเอเจนต์ 009 อย่างเขาให้มาเป็นใส้ศึกโดยอ้างว่าเป็นงานของสเตชั่น W

จะได้ทำลาย ทั้งอาณาจักรเพาะนักฆ่าไปทีเดียวกับกำจัดหนอนบ่อนไส้ที่แอบแฝงอยู่ในMI6ออก มาเลยสินะ...ไม่ว่าซิลเวียนจะเลือกทางไหนมิสเตอร์เอ็มก็ถือว่าได้ประโยชน์

แต่ สุดท้าย...สิ่งที่ซิลเวียนตัดสินใจคือการทำลายแหล่งกำเนิดของตัวเองทิ้ง เพื่อจะได้กลับไปอยู่เคียงข้างแสงสว่างของเขา เพื่อไปยืนเคียงข้างไมลส์.....

เขาไม่ได้รักบ้านนี้มากซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อกล่าวถึงความทรงจำอันเลวร้าย การทิ้งอดีตอันมืดดำของตัวเองถือเป็นสิ่งที่เขายินดีจะทำ

........................................

สองปีผ่านไป การเป็นสายลับสองหน้าของเขาทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ เซอร์ฮฺวาใกล้จะล่มสลาย และเขาจวนจะได้กลับไปหาคนที่เขารัก

ซิ ลเวียนรับหน้าที่เป็นครูฝึกนักฆ่ารุ่นเยาว์แทนบิดาผู้จากไป งานง่ายๆที่แม้จะขัดความรู้สึกเมื่อสิ่งรอบตัวทั้งหมดนี้ต้องถูกMI6กำจัดไป แต่เขาก็ไม่ได้ยี่หระนัก เมื่อในอดีตเขาเคยฆ่ามามากกว่านี้

มีแค่ เพียงคนหนึ่งที่ทำให้เขาค่อนข้างลำบากใจ แจคคิลเป็นนักฆ่าในปกครองของเขา เด็กชายไร้ประวัติผู้มีตาสีฟ้าที่ทำให้เขาหวนคิดถึงใครบางคน

"คุณอัล ครับ..." เสียงนุ่มที่ดังขึ้นข้างกายทำให้ซิลเวียนหันไปมอง ร่างบางที่ดูคล้ายคลึงกันอย่างน่าประหลาดนั้นหากไม่มีเรือนผมสีทองกำกับไว้ คงทำให้เขาเข้าใจผิดว่ากำลังฝันถึงไมลส์

"แจคคิล...มีอะไร" ซิลเวียนหันหน้าไปหาเด็กหนุ่มที่มีฝีมือระดับเป็นมือขวาของเขาได้สบายๆ แต่น่าเสียดายที่ต้องถูกกำจัดทิ้ง

"ผมมีข้อมูลจากสายมาครับ...." แจควางแฟ้มเอกสารไว้แล้วเดินจากไปอย่างเงียบเชียบ

ซิ ลเวียนเปิดอ่านข้อมูลในนั้นอย่างคร่าวๆแล้วยิ้มบาง.....MI6กำลังจะเข้ามา จัดการกับตระกูลเซอร์ฮฺวาในเร็วๆนี้...ได้เวลาที่เขาจะกลับบ้าน...กลับไป เคียงข้างแสงสว่างของเขา

แต่เขาก็ต้องนิ่วหน้าขึ้นมาเมื่อได้อ่านหน้าสุดท้ายของแผ่นกระดาษ

เอเจนต์ที่รับหน้าที่มากำจัดเขา...กำจัดเซอร์ฮฺวาคือเอเจนต์รหัส 007 ไคเลอร์ ไมลส์ มิลลาร์ด ที่ขอมาทำงานนี้ด้วยตัวเอง

........................................

แม้ เขาจะเคยคาดการณ์ไว้บ้างเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นจริงก็ทำเอาแทบพูดไม่ออก ซิลเวียนซ่อนตัวอยู่หลังกำแพงปราสาทแห่งตระกูลเซอร์ฮฺวาร่วมกับเหล่า สไนเปอร์เพื่อรับมือกับผู้มาเยือน

สมาธิที่ควรจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ เริ่มสั่นคลอนเมื่อกลุ่มสายลับจากMI6บุกเข้ามาถล่มรังของเขาตามแผนที่วางไว้ ว่ากันตามจริงพื้นที่นี้ควรเป็นเขตรับผิดชอบของสเตชั่นE ที่เขาไม่คิดมากเท่าไหร่หากประมือแล้วพลั้งพลาด

แต่ผู้ที่มายืนระหว่างคมกระสุนของเขานั้นกลับเป็น เอเจนต์รหัส 007 ไคเลอร์ ไมลส์ มิลลาร์ด เพื่อนสนิทที่เขารักมากที่สุด

ซิ ลเวียนคิดอย่างสับสน มิสเตอร์เอ็มต้องการอะไร หากต้องการกำจัดเขาไปพร้อมๆกับเซอร์ฮฺวาก็ไม่จำเป็นต้องให้อนาคตของ M คนต่อไปมาเสี่ยงแบบนี้

หวังว่าคงไม่ใช่ตามที่เขาได้มาจากสายข่าวของ แจคคิลว่า 007 ต้องการล้มล้างอำนาจเก่าด้วยการไล่ล่าเขาให้เป็นผลงานเพื่อขึ้นเป็นเอ็มคน ต่อไป

ข้อมูลจากนักฆ่าวัยเยาว์คนสนิทของเขาไม่เคยผิดพลาด แต่ซิลเวียนเชื่อใจไมลส์ ว่าข้อมูลที่ได้มันไม่จริง

แม้ จะปฏิเสธไม่ได้ว่าเขากำลังหวาดระแวง.....ไมลส์จะรู้เรื่องราวเบื้องหลังของ เขาหรือเปล่า และหากรู้แล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร.... ความหวาดหวั่นที่เกาะกุมหัวใจอาจทำให้เขาทำเสียแผน

การแฝงตัวยาวนานของเขาจะต้องสิ้นสุดลงในวันนี้ และเขาต้องทำเพื่อจะได้กลับไปอยู่เคียงข้างชายคนรักของเขาอีกครั้ง

ตาม แผนเขาต้องต้อนรับเหล่าเอเจนต์ด้วยการต่อสู้เล็กน้อยเพื่อให้หัวหน้าระดับสุ งของเซอร์ฮฺวาชะล่าใจ ก่อนกลับลำส่งทั้งองค์กรใส่มือ MI6 ให้ไปจัดการ

ไม่เป็นไรน่า.... ไม่มีอะไร แค่ระวังทั้งสองด้านไว้ก็เพียงพอแล้ว ซิลเวียนคิดเมื่อฝ่ายตรงข้ามก้าวเข้ามาในพื้นที่สังหาร

เขาได้ทำการสั่งลูกน้องในมือไว้ว่าห้ามยื่นมือมายุ่งกับเอเจนต์007เด็ดขาด การจัดการชายผู้นั้นถือเป็นสิทธิ์ขาดของเขาเท่านั้น

สายตาเขาเหลือบไปเห็นปลายปืนของสไนเปอร์คนหนึ่งที่ยกขึ้นเล็ง และเป้าหมายของมันคือจุดตายบนตัวของไมลส์

ไวกว่าความคิด เขาจ่อปืนเข้าที่ขมับของมือปืนผู้ฝ่าฝืนคำสั่ง เด็กหนุ่มผมสีทองมองกลับมาที่เขาอย่างเรียบเฉย

แจคคิลเอ่ยถาม "มีอะไรหรือครับ คุณอัล..." ดวงตาที่มองตรงมาหาเขาส่อแววสงสัย

"นาย กำลังจะทำอะไร..แจค" ซิลเวียนกล่าวเสียงต่ำ คนที่ขัดคำสั่งเขาไม่เคยมีใครรอดไปได้ เขากดปลายปืนเน้นหนักย้ำคำถาม นิ้วแกร่งสอดที่โกร่งปืนเตรียมพร้อมลั่นไก

"ผมก็กำลังจะกำจัดศัตรูของคุณไงครับ "

แววตาที่ฉายความจงรักภัคดีอย่างแจ่มชัดกับสีฟ้าเข้มที่ทำให้เขานึกถึงชายคนรักขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้.....ทำให้ซิลเวียนหวั่นไหว

แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เขาเหวี่ยงปืนในมือลงบนใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นเต็มแรงจนเด็กหนุ่มเลือดไหลกลบปาก

"อย่ายุ่งกับของของชั้น...แจคคิล" ซิลเวียนกล่าวเสียงกร้าวเมื่ออีกฝ่ายแย้มยิ้มให้เขาราวกับพึงพอใจ "รับทราบครับ....คุณอัล"

เขามองหน้าแจคคิลอย่างโกรธเกรี้ยวก่อนหลับตาสงบอารมณ์เพื่อเตรียมทำตามแผนการที่วางไว้

"คราว หลังอย่าทำอะไรนอกเหนือคำสั่ง......ไม่งั้นชั้นฆ่านายแน่" เขาว่าก่อนหันไปพร้อมสั่งการลูกน้องที่เหลือให้เตรียมต้อนรับพันธมิตรในคราบ ศัตรูของเขาที่จะจบภารกิจอันยาวนานในครั้งนี้ลง

........................................

คิด ไม่ถึงว่าเรื่องจะลงท้ายด้วยสถานการณ์เลวร้ายกว่าที่เขาคาดไว้ขนาดนี้ ท่ามกลางซากปรักหักพังของบ้านเก่าที่ MI6 ได้บุกเข้ายึดสำเร็จ ท่ามกลางกองเลือดและศพของนักฆ่าที่เกือบครึ่งเป็นฝีมือของเขา

ซิ ลเวียนมองรอบตัวอย่างไม่เข้าใจ ภารกิจที่แฝงตัวเข้ามาบ่อนทำลายในตระกูลเซอร์ฮฺวาจบสิ้นแล้ว....เขาควรได้ กลับบ้านและพักผ่อน แต่กลับถูกล้อมรอบเอาไว้ด้วยปลายกระบอกปืนของเพื่อนร่วมองค์กร หนึ่งในนั้นคือเด็กหนุ่มในStation-Wที่เขาเคยคุ้นหน้า

อีกบุคคลหนึ่ง ที่แสนคุ้นตา ชายหนุ่มผู้จ่อข้างขมับเขาไว้ด้วยแมกนัมDesert eagle เพื่อนรัก.... ไม่สิ อาจจะมากกว่าเพื่อน..... ไคเลอร์ ไมลส์ มิลลาร์ด เอเจนต์รหัส 007 ที่เป็นผู้นำการล่าเขาในครั้งนี้

ดวงตาสีเหล็กจ้องมองใบหน้าอีกฝ่ายนิ่งไม่ไหวติง แววตาฉายแววสงสัย เคลือบแคลง ไปจนถึงเจ็บปวดเหมือนถูกหักหลัง

เขาจะถูกจับกลับไปในฐานะของผลงานใหญ่เพื่อเลื่อยขาเก้าอี้เอ็มคนเดิมของไมลส์ใช่ไหม....

ซิลเวียนอ้าปากจะเอ่ยถาม แต่สายลับหนุ่มอนาคตไกลก้าวเข้ามากล่าวอย่างสงบนิ่งด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

"อดีตเจ้าหน้าที่ MI6 009 เซอร์ฮฺวา อัล ซิลเวียน คุณถูกจับข้อหาเป็นผู้นำกลุ่มก่อการร้ายเซอร์ฮฺวาและฆ่าเจ้าหน้าที่ของ MI6 "

ดวงตาสีฟ้าสดอันคุ้นเคยที่เขาไม่ได้สบมองมันมาเกือบสามปีไม่บ่งบอกความรู้สึกใดๆ เมื่อยื่นปลายนิ้วมาสวมกุญแจมือไว้บนแขนของซิลเวียน

........................................

อากาศ ของกลางฤดูหนาวในเบอร์ลินหนาวเย็นเกินกว่าที่เสื้อโค้ทหนังของเขาจะให้ความ อบอุ่น เมื่อรวมกับความเย็นเยียบของผนังหินในคุกเก่าแก่ของStation-Wที่เขาถูกนำมา คุมตัวไว้ทำให้หนาวสั่นเข้ากระดูก

ยิ่งกว่านั้น น้ำแข็งอันชาเย็นในดวงตาสีฟ้าของสายลับหนุ่มนั้นทำให้เขาเหมือนโดนแช่แข็งไปถึงขั้วหัวใจ

มือของเขาถูกล่ามกุญแจไว้กับมือของไมลส์  นัยว่าเป็นการบ่งบอกความเชื่อใจว่าเขาไม่มีทางทำร้ายเอเจนต์007แล้วหนีจากไปแบบอาชญากร

แต่ ซิลเวียนรู้สึกว่ามันคือการสบประมาทว่าเขาหนีไปไหนไม่ได้ ในเมื่อรู้ดีว่าทั้งไมลส์และตนมีฝีมือใกล้เคียงกัน ไม่นับรวมกับที่เขาบาดเจ็บอ่อนล้าจากการต่อสู้ที่ปารีส

"....อัล" เสียงนุ่มที่เขาโหยหาดังขึ้นเรียกชื่อเขาอย่างลังเลใจ หากเป็นเวลาปกติแล้วซิลเวียนคงหันไปหาแล้วรับฟังมันอย่างตั้งใจ แต่ตอนนี้เขาเจ็บปวดเกินไปที่จะได้ยินเสียงนี้

ซิลเวียนจ้องมองหิมะตกนอกหน้าต่างลูกกรงบานเล็กที่ผนัง ทำตัวราวกับเขาอยู่ในห้องขังเดี่ยว จนเสียงเรียกของอีกฝ่ายทวีความดังขึ้น

"อัล เราต้องพูดกัน หันมาทางนี้เดี๋ยวนี้" ไมลส์กระชากโซ่กุญแจมือที่เชื่อมโยงทั้งสองไว้ให้เขาหันมาด้วยความขัดเคือง ช่างเป็นคุณหนูผู้เอาแต่ใจซะจริง..........ซิลเวียนคิด

"มีอะไรกับผม หรือครับ คุณเอเจนต์007 ไคเลอร์ มิลลาร์ด" เขาจ้องมองใบหน้าของชายที่เขาไว้ใจที่สุดอย่างเย็นชา ดวงตานั้นฉายแวววูบของความรู้สึกผิด

"อย่าทำอย่างนี้...อัล ชั้นพยายามช่วยนายนะ" ไมลส์กล่าวเสียงเบา "นายมีความผิดที่จะต้องกลับไปชี้แจง กลับไปMI6กับชั้นดีๆเถอะ"

ชายหนุ่มผมทองหัวเราะขื่น "ไม่ใช่ว่าชั้นต้องไปเป็นเหยื่อแลกกับตำแหน่งที่นายจะได้รับหรอกเหรอ...ว่าที่มิสเตอร์เอ็ม?"

"ชั้น ไม่เคยคิดอย่างนั้น....แต่เรื่องที่นายฆ่าคนของเรา........"  ซิลเวียนกล่าวขัดขึ้น "ฆ่าคนเหรอ.... นายเชื่อข่าวนั่นเหรอ...เชื่อมากกว่าชั้นอีกงั้นเหรอ..."

"ชั้นทำงาน แฝงตัวอยู่ในองค์กรก่อการร้ายสามปี...สามปี!!! รู้บ้างหรือเปล่าว่าชั้นต้องเจออะไรบ้าง" เขากล่าวเสียงกร้าวด้วยแรงโทสะ "ในขณะที่นายอยู่บนหอคอยนั่นแล้วชี้นิ้วสั่ง...คุณหนูไมลส์"

ร่าง เล็กกว่าปราดเข้ามาคว้าคอเสื้อเข้าไว้อย่างโกรธเกรี้ยว "หยุดเรียกชั้นว่าอย่างนั้น นายคิดว่าที่ชั้นขอมาทำงานนี้ด้วยตัวเองทั้งๆที่ไม่ใช่หน้าที่้เพราะอะไร อัล!!! ชั้นพยายามจะช่วยนายนะ"

ซิลเวียนก้มลงมองตาอีกฝ่ายที่อยู่ ห่างไม่กี่นิ้ว เขาไล่สายตาไปตามใบหน้าของเพื่อนรัก...ชายคนรัก.........และแสงสว่างในชีวิต ของเขาอย่างเจ็บปวด

"ทั้งๆที่นายเชื่อสิ่งที่MI6บอกมามากกว่าชั้นไปแล้ว...ทั้งๆที่นายบอกว่าจะเชื่อใจชั้น.....ทั้งๆที่นายเป็นคนเดียวที่ชั้นเชื่อใจ"

ดวงตาสีฟ้ามองมาที่เขาอย่างเว้าวอนแต่ด้วยแรงอารมณ์ทำให้เขาหัวเราะขื่นพยายามมองข้ามมัน "คนทรยศ" เขากล่าวเสียงแหบพร่า

มือเรียวตบที่ใบหน้าของเขาอย่างแรงจนเลือดไหลซึมที่มุมปาก ไมลส์จ้องมองเขาด้วยดวงตาวาวโรจน์ "นายต่างหากที่ทรยศ"

"นาย คิดว่าชั้นรู้สึกยังไงที่ชั้นได้รู้เบื้องหลังของนายจากเอ็ม! รู้ว่าชั้นเป็นแค่เหยื่อที่นายจ้องจะหลอกใช้ แต่ชั้นก็ยังมาช่วยนาย เพื่อจะโดนนายเรียกว่าเป็นคนทรยศงั้นเหรอ!!!"เสียงนุ่มสั่นไหวด้วยแรงโทสะ

ไมลส์ ก้าวเข้าประชิดตัวเขาแนบแน่นด้วยความโกรธแค้น ไอร้อนจากแรงอารมณ์พุ่งพล่านระหว่างทั้งสองร่างเมื่อซิลเวียนดันตัวขึ้นมา จากผนังที่พิงอยู่เพื่อตอบโต้

"แต่ชั้นก็กำลังจะทิ้งอดีตทั้งหมด เพื่อนาย! ชั้นอยากจะไปยืนเคียงข้างนาย! แต่นายกลับไม่เคยเห็นชั้นในสายตาเลยไม่ใช่เหรอ??" เสียงทุ้มกร้าวระหว่างที่มือแกร่งบีบไหล่อีกฝ่ายเขย่าอย่างแรง

แม้ซิ ลเวียนจะบาดเจ็บจากการต่อสู้แต่ด้วยเรี่ยวแรงที่มากกว่าทำให้สายลับหนุ่มดู เหมือนจะเพลี่ยงพล้ำ ไมลส์คว้าปืนคู่กายขึ้นมาไว้ในมือแล้วเล็งมันเข้าที่ร่างของอีกฝ่าย

"ถอยไป! อัล !! นายมันบ้าไปแล้ว!!!" ไมลส์ตะโกนใส่หน้าซิลเวียนที่บิดเบี้ยวไปด้วยแรงโกรธ

เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งก่อนกดมือเรียวนั้นให้กดปืนลงบนหน้าตนแรงขึ้น "เอาเลยสิ! ไมลส์!! ยิงเลยสิ!!!"

ชาย หนุ่มผมสีเข้มฝืนมืออีกฝ่ายที่พยายามกดลงบนไกปืนอย่างยากลำบากแต่สู้แรงที่ มากกว่าไม่ได้ ปลายปืนนั้นจึงจ่ออยู่ที่กึ่งกลางหน้าผากของซิลเวียนที่ยิ้มให้อย่างอ่อนล้า

"ฆ่าชั้นให้ตายเถอะ...ไมลส์...ถ้าชั้นจะไม่ได้อยู่ข้างนายอีก" นัยน์ตาสีเหล็กฉายแววปวดร้าวราวหัวใจแหลกสลาย

แม้ ไมลส์จะเจ็บปวดกับท่าทางของคนตรงหน้า แต่สภาวะที่อันตรายอย่างนี้เขาต้องหยุดการเคลื่อนไหวอีกฝ่ายให้ได้ก่อน สายลับหนุ่มตัดสินใจใช้ด้ามปืนกระแทกเข้าที่ศีรษะอีกฝ่ายหวังให้แรงกระทบจะ ทำให้ซิลเวียนสลบไป

แต่ด้วยมือหนาของอีกฝ่ายที่ยื้อยุดไว้ ทำให้แรงปะทะมากขึ้นจนกระบอกปืนฟาดเข้าที่หางคิ้วซ้ายรุนแรงจนได้แผล เลือดแดงฉานไหลรินลงตามใบหน้าซิลเวียนขณะที่ไมลส์มองด้วยดวงตาตื่นตะลึง

"อ......อัล....ชั้นขอโท......." เสียงตื่นตระหนกของไมลส์ขาดหายไปเมื่อร่างทั้งร่างถูกซิลเวียนรวบขึ้นมาด้วยความโกรธแค้น

ร่าง เล็กกว่าถูกเหวี่ยงติดผนังด้วยเรี่ยวแรงมากพอจะทำให้บอบช้ำ ไมลส์ร้องออกมาอย่างเจ็บปวดก่อนที่เสียงทั้งหมดจะกลืนหายเข้าไปในริมฝีปาก ของซิลเวียนที่บดทับลงมาอย่างรุนแรง

"อย่า.........ชั้น...เจ็บ" เสียงครวญครางขาดห้วงของไมลส์ อุณภูมิของร่างที่กดทับอยู่ตรงหน้า ความร้อนของเลือดที่ไหลซึมออกมาเหมือนจะยิ่งทำให้เขาบ้าคลั่ง

สัตว์ ร้ายที่ซ่อนอยู่ภายในส่วนลึกของเขาร่ำร้องให้ฉุดดึงสิ่งที่เขาปรารถนามาตลอด ที่จะครอบครอง ซิลเวียนดำดิ่งลงสู่ความมืดมิดของตัณหาเมื่อฉีกทึ้งเสื้อผ้าออกจากร่างของคน ที่เขาหลงใหลที่สุดในชีวิต

สิ่งสุดท้ายก่อนที่สมองพร่าเบลอด้วยห้วงความคิดดำมืดจะครอบงำให้เขาทำทุกอย่างไปตามแรงดิบเถื่อนของสัญชาติญาณ

คือ ดวงตาสีฟ้าหวาดหวั่นที่ชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตา เลือดสีแดงสดที่รินไหลจากใบหน้าของเขาปะปนกับจากร่างของคนตรงหน้า และเสียงร่ำร้องชื่อ "อัล" อย่างเจ็บปวดที่ดังอยู่ข้างหู

เขาได้ทำลายสิ่งที่สูงค่า สิ่งที่เขาปรารถนาจะถนอมไว้ให้แหลกสลายลงด้วยมือของตัวเอง

........................................

ซิลเวียนรู้สึกตัวจากห้วงความคิดเมื่อดวงตาสีฟ้าอีกคู่จ้องมองเขาจากเบื้อง ล่าง เสียงครวญครางอื้ออึงดังลอดริมฝีปากที่เขาใช้มือหนาปิดทับเอาไว้ เรือนร่างใต้ตัวเขาบิดส่ายไปตามแรงเสียดสีที่เขาส่งผ่าน

ไคล์ฝังพันคมลงบนนิ้วมือของเขาเพื่อระบายอารมณ์ที่พุ่งพล่าน ด้วยความเร่าร้อนที่เผาผลาญเบื้องล่าง การบังคับให้เงียบเสียงคงเป็นเรื่องทรมานหากถูกรุกไล่ด้วยความรุนแรงขนาดนี้

ดวงตาสีฟ้าสดใต้แพขนตาเปียกชุ่มนั้นปรือขึ้นมองซิลเวียนเหมือนอ้อนวอนให้เติมเต็มความต้องการ แต่ความเหมือนกันจนเกินไปกับดวงตาของบางคนทำให้เขาลดมือลงจากการเกาะกุมใบหน้าและลำคอของอีกฝ่าย

เหมือนเจ้าของเรือนร่างที่เขากำลังย่ำยีอยู่ นั้นจะรู้ได้ถึงความคิดของเขา เรียวปากบางกระซิบเสียงพร่าที่ข้างหู "กอดผมสิ........อัล........"

แววตาสีเหล็กเข้มกร้าวขึ้นก่อนเค้นคอ ร่างบางเบื้องล่างอย่างโกรธเกรียวก่อนกล่าวเสียงต่ำ "อย่าเรียกชั้นด้วยชื่อนั้น!ไคล์....หุบปากแล้วหลับตาไปซะ"

ใบ หน้าที่คล้ายกับเพื่อนรักของเขาแย้มยิ้มด้วยเรียวปากที่ถูกตบจนบวมช้ำ ท่ามกลางกลิ่นของเลือดที่ซึมผ่านจากรอยฟันของซิลเวียนที่ประดับอยู่ทั่วร่าง กาย ไคลส์กดมือลงบนมือหนาของเขาที่กอบกุมอยู่รอบคอ

"ทำร้ายผมสิครับ.......ได้โปรด"

เสียงหอบสั่นที่ผสานระหว่างความเจ็บปวดกับความปรารถนาดึงสัตว์ร้ายในตัวเขากลับมาอีกครั้ง ความร้อนเร่า ความรุนแรงที่แผดเผาให้เขาบ้าคลั่ง เลือดที่ไหลหลั่งออกมายิ่งทำให้อารมณ์เขาพล่านพลุ่ง

ซิลเวียนไม่รู้ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันถลำลึกลงมาขนาดนี้ได้อย่างไร เขาที่ครั้งหนึ่งเคยได้อยู่เคียงใกล้แสงสว่างกลับจมดิ่งสู้ความมืดมิดอันบิด เบี้ยวได้ขนาดนี้

เขาไม่แน่ใจว่าหลังจากที่เขาหนีจากไมลส์มาได้ แจคคิลตามเจอตัวเขาที่บาดเจ็บสาหัสจากการไล่ล่าได้อย่างไร..............

เส้นผมสีทองของแจคคิลกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มตั้งแต่เมื่อไหร่..............

เขาเปลี่ยนชื่อเรียก แจคคิล (Jackyle) เป็นไคล์ (Kyle) ตั้งแต่ตอนไหน..............

และทำไมเขาจึงต้องกระทำการทำร้ายไคล์ ที่เขาใช้เป็นตัวแทนของไมลส์ทั้งร่างกายและจิตใจให้เจ็บปวดแหลกสลายยับเยิน..............

ที่ รู้คือตัวตนของ เซอร์ฮฺวา อัล ซิลเวียน ช่างอยู่ห่าง ไกลไคเลอร์ ไมลส์ มิลลาร์ด อย่างเกินจินตนาการ เหมือนปลายสุดความต่างของแสงสว่างและเงามืด

แต่เงามืดอย่างเขาก็ยังโหยหาที่จะได้แสงสว่างนั้นมาครอบครอง

........................................


คุณจะถลำลึกลงไปได้แค่ไหนกับการโหยหาแสงสว่าง ไขว่คว้ามาไว้ข้างกายและฉุดรั้งลงมาเพื่อได้จะครอบครอง 

ผมไม่ได้บอกว่าพอใจกับการกระชากแสงสว่างลงมาจากฟากฟ้า...แต่อย่างที่ว่า...ผมไม่ได้มีทางเลือกมากนัก 

บางทีการทำให้แตกสลายในมือตัวเองสำหรับผมคงดีกว่าการปล่อยให้คนอื่นมาแย่งไป

ผม ทำได้ทุกอย่าง...แม้จะผิดบาปเท่าไหร่....แม้จะต้องลงนรกขุมไหน....ขอแค่ผม ได้มีคุณอยู่ข้างกาย...แม้ว่าจะต้องดึงคุณให้ตกลงไปด้วยกัน...
 

........................................
 
................................... ยาวมาก...................ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะฮับ
 
และเนื่องจากชิปปิ้งนี้มีนักเขียนฟิกมือเมพๆมากมายมาร่วมเขียนไว้ จขบ.เลยต้องขอโทษไว้ล่วงหน้าหากฝีมือแต่งฟิกจขบ.มัน... oTL #จิ้มดิน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น