วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2559

(MIE-Fanfiction)Your (or Mine) Inception

เอนทรี่นี้อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของ
 
New banner 
กะ
New banner 
ก็เป็นได้......
 
/เก็บมาจากใน Justpaste

"Dreams feel real while we're in them."


เขาถอดแว่นอ่านหนังสือออกแล้วปรายตามองไปที่นาฬิกาโดยไม่รู้ตัว

ใกล้ตีสามแล้ว..

และที่นอนข้างๆตัวเขายังว่างเปล่า..

เขากำลังรอคอยใครสักคนอยู่.. คนที่หลับและตื่นเคียงข้างกันตลอดช่วงที่ผ่านมา

ลูกน้องคนสนิทแสนรัก..คนที่ใกล้เคียงที่สุดในการใช้คำว่าคนรัก

หรืออาจจะไม่ใช่แค่ใกล้เคียงก็เป็นได้..


เวลาป่านนี้แล้ว แต่คนข้างกายเขายังไม่กลับ..

หลังจากหาวออกมาอีกครั้งเขาจึงตัดสินใจว่าตัวเองควรนอนไปก่อนดีกว่า

เอื้อมมือไปปิดโคมไฟหัวเตียง ตาหรี่ปรือเหม่อมองความมืดมิดในห้องก่อนจะปิดลง

เขานอนตะแคงบนที่นอนหนานุ่ม หันหลังให้กับพื้นที่บนเตียงที่รอคอยเจ้าของมันกลับมา..

ราวกับว่าไม่ต้องการมองเห็นความว่างเปล่านั้น


แต่ไม่ช้านาน หลังจากเสียงแง้มประตูแผ่วเบา ตามด้วยน้ำหนักของพื้นเตียงที่ยวบลงเล็กน้อยปลุกให้เขาลืมตาตื่นขึ้น

มือหนาที่เอื้อมมาโอบเขาจากด้านหลังยิ่งทำให้เขายิ้มบางออกมา ทั้งๆที่ง่วงงุนก่อนกุมมือแล้วเอ่ยถาม


"วันนี้งานยุ่งเหรอ..กลับมาซะดึก.. "


แต่ริมฝีปากอุ่นที่จูบคอด้านหลังเขาอย่างบางเบา กลับตอบมาด้วยข้อความที่ทำให้เลือดในกายเขาเย็นลงฉับพลัน


"...ไฟลต์ดีเลย์น่ะ "


เสียงทุ้มที่คุ้ยเคยเกินไปนั่นเป็นของชายผู้ที่ยึดครองพื้นที่ทั้งในหัวใจและสมองของเขาไว้มาเนิ่นนาน

แต่อาจไม่ใช่ด้วยความรัก


ซิลเวียน อัล เซอร์ฮฺวา


ศัตรูที่เขาไล่ตามมาตลอดและคว้าได้แค่อากาศ กลับเป็นฝ่ายเข้ามาหาเขาถึงที่..และถึงตัว

ใกล้แค่ลมหายใจ


เขาข่มสติให้นิ่ง พยายามผ่อนลมหายใจยืดจังหวะชีพจรที่เต้นแรงจนบ้าคลั่ง

นึกถึงปืนคู่ใจที่สอดไว้ใต้หัวนอน

นึกถึงการรับมืออย่างถูกต้องที่เขียนไว้ในในตำรา

นึกถึงการตอบโต้ด้วยท่าทางการต่อสู้มากมายที่เคยได้เรียนมา

แต่สิ่งเดียวที่เขาทำไปคือกล่าวถามเสียงเบาเมื่ออ้อมกอดอุ่นนั้นกระชับตัวเขาเข้าไปชิดอย่างโหยหา


"นาย.. มาทำไม"


เสียงที่ล่องลอยในบรรยากาศนั้นดูหวั่นไหวเกินจะเป็นคำกล่าวของเขาเอง

ราวกับได้เห็นรอยยิ้มมุมปากอันคุ้นเคยในคำตอบรับคำถามที่เขาได้ถามไป


"..คิดถึงนายจนทนไม่ไหวน่ะสิ.. ไมลส์"


ริมฝีปากที่คลอเคลียอยู่ที่ต้นคอ เลื่อนมากระซิบคำหวานให้ฟังที่ข้างหูอย่างแผ่วเบานุ่มนวล

ราวกับเป็นคนรัก..


เขาหันกลับมาหาเจ้าของคำพูดนั้นช้าๆ โดยที่เจ้าของอ้อมกอดที่รั้งตัวเขาไว้ก็ไม่ได้ขัดขืน

ดวงตาสีฟ้าสบกับดวงตาสีเทาอย่างเงียบงัน

ใบหน้าคุ้นเคยที่เคยเห็นในความทรงจำนั้นไม่ต่างไปจากเดิมเท่าไหร่นัก


มีข้อแตกต่างเพียงร่องรอยตามวัยที่หัวคิ้วและหางตา รอยแผลบางเบาที่หางคิ้วซ้าย

และดวงตาแสนเศร้าที่หาแววขี้เล่นแบบในอดีตไม่เจอแม้รอยยิ้มจะประดับอยู่ที่ใบหน้า

เขาจ้องมองมันไม่วางตา..


ก่อนจะยกปืนในมือที่เพิ่งคว้ามาจากใต้หมอนเล็งไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย..

และแตะปลายนิ้วที่ไกปืน.. เตรียมยิง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

2.

ดวงตาสีเทาที่คุ้นเคยของอีกฝ่ายที่ในคราแรกดูราวผิวน้ำในบ่อลึก...มืดสนิท..เรียบนิ่ง..ไร้ประกาย..ไร้ความเคลื่อนไหว

ฉานฉายแววของความรู้สึกที่เขาไม่เข้าใจว่าคืออะไร

วูบแววที่คล้ายพบสิ่งที่ตามหา..แต่มองอีกด้านก็เหมือนสูญเสียสิ่งนั้นไปในเวลาเดียวกัน

ชายผมทองจ้องมองใบหน้าของเขานิ่งนานเหมือนที่เคยมองมาเสมอ

ยิ้มประดับเรียวปากนั้นหม่นลงเล็กน้อยก่อนเอ่ยคำถามเรียบเรื่อย


"...คราวนี้ตัดสินใจได้แล้วหรือ..ไมลส์..ว่าจะยิงหรือไม่ยิง "


ปลายกระบอกปืนที่เล็งยิงในมือเขาครานี้หาได้มีความสั่นไหวเช่นวันวาน..แต่ภายในนั้นกลับสั่นไหวยิ่งกว่า


"นายคิดว่าการกล้าทำแบบเดิมซ้ำสองจะทำให้ผลเป็นแบบเดิมเหรอ..อัล?"


ปลายท้ายเสียงคำที่ไม่ได้เอ่ยเรียกมาเนิ่นนานเรียกความปวดหน่วงแปลกๆขึ้นในอก

คนตรงหน้ายิ้มยวนก่อนกระชับอ้อมกอดเข้าหา กดหน้าผากแนบผิวโลหะเย็นเฉียบราวไม่ใส่ใจ

น้ำเสียงทุ้มนั้นยังกล่าวเหมือนล้อเล่นต่อไป


"ก็คิดว่า..ไม่สิ หวังว่า..ถ้าเป็นไมลส์ของชั้น ผลอาจจะออกมาเป็นแบบเดิม"


ดวงตาสองคู่สบมองกันนิ่ง..คู่หนึ่งถามคำถาม แต่อีกคู่กลับไม่สะท้อนคำตอบ


"แต่คนตรงนี้จะยังใช่ไมลส์คนนั้นหรือเปล่านะ..."


ชายผมดำขมวดคิ้วก่อนถอนหายใจ กล่าวตอบไปด้วยรอยยิ้มแบบที่ได้ฝึกฝนมาอย่างดี


"ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว.. ตอนนี้นายคือเป้าหมายการทำงานของชั้น..ก็รู้นี่"


เขายันตัวขึ้นจากที่นอนพร้อมขยับมือเป็นสัญญาณให้ลุกขึ้น

อีกฝ่ายยิ้มแล้วลุกตามอย่างไม่ยินดียินร้าย ก่อนชูมือสองข้างเป็นเชิงว่ายอมแพ้


"อืม..รู้.. แต่ทั้งๆที่รู้ก็ยังคิดว่านายจะไม่ยิง... "


ร่างสูงเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ใบหน้าก้มลงคลอเคลียข้างหูราวไม่กลัวว่าจะถูกปืนที่แนบอยู่ที่อกลั่นไกเข้าใส่..
.
แล้วเอื้อมมือไปกอบมือที่กุมปืนไว้อย่างแผ่วเบา


"แล้วนายมาทำไม?"


เขาถามย้ำเสียงเข้ม ขืนมือที่เล็งยิงไว้ไม่ให้สั่นไหว

ในสมองคิดคำนวณเหตุผลมากมายในการมาเยือนของเพื่อนเก่าตรงหน้า

รอยยิ้มที่ประดับเพียงริมฝีปากแต่ไม่ถึงดวงตาของอีกฝ่ายทำให้ห้วงความคิดของเขาติดขัด

จนลืมนึกถึงคนที่เขากำลังรอคอยอยู่ก่อนหน้านี้



"ก็คิดถึง..จนทนไม่ไหว.."



ริมฝีปากคลอเคลียไล่จากใบหูมาที่ใบหน้า จุมพิตแผ่วโหยหา.. อบอุ่นและคุ้นเคยจนเขาต้องหลับตาลงตอบรับสัมผัส


"และ..มีเรื่องอยากถามนายนิดหน่อย.."


กระซิบแผ่วพร้อมจูบนุ่มที่ทำให้เขาเคลิ้มไปอย่างที่เคยเป็นเสมอมา


และไม่ได้รู้ตัวเมื่อมีเสียงเปิดประตูห้องโดยผู้มาเยือนคนที่สาม

ไฟเพดานถูกเปิดขึ้นอย่างกระทันหันจนตาพร่า



"...ไมลส์!!!"  เซอร์กานตะโกน


แล้วพุ่งตัวเข้ามาในทันทีที่ภาพตรงหน้าชัดเจนพอว่าชายคนรักของตนอยู่ในอ้อมกอดของบุคคลอันตราย


ในเวลาเดียวกับที่ปืนอีกกระบอกในเสื้อสูทถูกดึงขึ้นมาเล็งไว้ที่บุคคลที่สาม



"อย่าขยับนะครับ..หนูน้อย..เซอร์กาน.."



ซิลเวียนเหยียดยิ้มมุมปากก่อนหันมาเอ่ยถามเขาด้วยเสียงนุ่ม



"นายจะเลือกใครเหรอ..ไมลส์"



ยิ้มหวานกวนใจนั่นทำให้เขากล่าวถามไปเสียงสั่น


"อัล...นาย..."


ดวงตาสีเทาส่อแวววูบหม่น เสียงถอนหายใจดังขึ้นบางเบาก่อนจบลงด้วยเสียงปืน

และลูกกระสุนที่พุ่งผ่านร่างชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวเข้ามาถึงในห้องให้ทรุดลงนอนจมกองเลือด



"ตอบชั้นสิ..ไมลส์..ไม่อย่างนั้น..คนรัก..ของนายอาจตายได้นะ"



เสียงหัวเราะแหบแห้งราวเจ็บปวดที่เสียดแทงโสตประสาตทำให้เข้าต้องรีบตัดสินใจ



"หยุดนะ! อัล อย่าทำแบบนี้"


 เสียงของเขาตอนนี้ที่ตะโกนออกไปโดยไม่รู้ตัว คงสั่นไหวจนเรียกรอยยิ้มเศร้าให้ผุดเพิ่มที่ใบหน้าคนตรงหน้า


แต่เสียงเคลื่อนไกของปืนในมือซิลเวียนทำให้ทั้งร่างของเขาแข็งเกร็ง..เย็นเฉียบราวก้อนหิน

ก่อนที่เขาจะกดปลายนิ้วลงบนไกปืนในมือของตนอย่างไม่รู้ตัว

และเสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือเสียงดินปืนที่ระเบิดในรังเพลิงปืน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


3.


!!!


เขาผุดลุกขึ้นมาจากเตียงกลางดึกด้วยสภาพเหงื่อท่วมตัว

แต่เสียงที่กระทบโสตประสาทของเขากลับไม่ใช่เสียงปืน

ฟ้าผ่าฝนคะนองนอกห้องที่ได้ยินต่างหากที่ปลุกเขาให้ตื่น


ซิลเวียนมองนอกหน้าต่างเพื่อดูเมืองเวนิสใต้ม่านฝน..มองสายฟ้าแปลบปลาบกับฝนที่ร่วงหล่นพลางนึกถึงฝันเมื่อครู่


ฝัน....สินะ

เป็นแค่ฝัน


เขาถอนหายใจ....ยกมือขึ้นลูบหน้า ความฝันที่เขาไม่อาจบอกได้ว่ามันเป็นฝันดีหรือฝันร้าย

และไม่สามารถบอกได้

ว่าสิ่งใดในฝันที่เขาอยากให้มันเป็นจริงมากกว่า


ระหว่างการลั่นไกเพื่อฆ่า....


หรือถูกฆ่าโดยการลั่นไก....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น