วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

[Commu]-[TE]Minamoto Yuki

*อัพเดตข้อมูล 17/07/2016*
เอนทรีนี้เป็นส่วนหนึ่งของ...
///////////////////////////////
...................
[Good morning,Sir....]

รูปใหญ่คลิกที่รูปเลยยยยยย
สกุล - ชื่อ : 源 雪 / Minamoto Yuki / มินาโมโตะ ยูกิ
สัญชาติ : ญี่ปุ่น
ชั้นปี / อายุ : ปี 2 อายุ 16
นิสัย : 
-เป็นคนเงียบๆ นิ่งๆ ค่อนข้างเฉื่อย ไม่ค่อยพูดจา(?) ดูเหมือนง่วงอยู่ตลอดเวลา
-รักสงบ ชอบอยู่เงียบๆฟังเพลงจากมือถือหรือเล่นกับแมว
-ค่อนข้างตั้งใจเรียนและเรียนรู้ได้เร็ว
-ถ้าเจอคนดีมาก็ดีไป ถ้าเจอคนน่ารำคาญก็จะเดินหนีด้วยสีหน้าเรียบเฉย หรือถ้าโดนกวนจนหงุดหงิดมากๆก็ถึงขั้นไฝว้ได้แต่ไม่บ่อยนัก
-ดูหน้านิ่งไม่ใส่ใจสนใจสิ่งใดรอบข้าง แต่จริงๆก็ฟังอย่างตั้งใจอยู่นะ
-แมนๆคุยกันได้
-คล่องเรื่องใช้มือ(....)
ส่วนสูง / น้ำหนัก : 177/56
สีตา / สีผม : ฟ้าอ่อน/ขาว
อาชีพ : นักเรียน
โรงเรียน : ฮาเนงาซากิ
Twitter : @TE_YYuki 
Twitter (ผปค.) :@noirpoipoison (แอดมาได้ถ้าไม่กลัวแสปม ฮาาา)
EMS : ไม่ค่อยถนัด ขอเป็นไว้ส่งเมลล์หรือจดหมายแล้วกันนะครับ
รูปเต็มตัว


แถม

ไม่ได้หลับอยู่หรอกนะ.....
///////////////////////////////
/ฝากตัวลูกสาวแปลกๆไว้ด้วยนะฮับ /เขิล

วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2559

(The Jungle Book Fic) Unnamed1+2 (Shape-shifter AU)

ไปดู The Jungle Book เมื่อไม่นานมานี้แล้วก็อยากจะเขียนฟิค เขียนเฉยๆไม่พอ ยังไปแอบแชร์AUมาจากคุณเพอร์ เป็น Shape-shifter AU ที่คนแลงเป็นสัตว์ด้ายยยย

ลิงค์ฟิคของคุณเพอร์ล่ะ
http://verellie.blogspot.com/2016/04/fan-fic-jungle-book-shape-shifter-au.html 


เซ็ตติ้งน่าจะเป็นช่วงก่อนหน้าฟิคของคุณเพอร์นิดนึงล่ะ

ส่วนแพรร์ริ่งก็....คู่ไหนนะ /เหม่อ อ่านไปก่อนๆ--


1.

สายลมอ่อนแรงของปลายฤดูร้อน เกลี่ยไล้ยอดแห้งกรอบของทุ่งหญ้าริมแม่น้ำลูปส่งเสียงแกรกกราก ปีนี้อากาศแห้งแล้งจนสายน้ำแห้งขอดติดผิวดิน

คงมีเพียงน้ำพุที่จตุรัสเซคแฮมเท่านั้นที่ยังพอมีน้ำขังอยู่

อาคีล่า วัลโก "คอนรี" ของวัลโกแฟมิลี่ทอดสายตามองภาพแม่น้ำคดเกลียวล้อมคฤหาสน์กว้างใหญ่ก่อนทอดปลายไปสู่ทุ่งหญ้าที่อยู่ต่ำลงไป ลานประชุมสภาหมาป่าตั้งอยู่บนระเบียงสูงที่มีแม่น้ำลูปไหลผ่านด้านล่าง

ร่องโคลนตื้นๆสะท้อนแสงจันทร์นั้นเคยเป็นแม่น้ำลูปที่เชี่ยวกรากยามหน้าน้ำมา มันลอดผ่านใต้หน้าผา ที่ระเบียงสูงเหนือนั้นเป็นลานประชุมสภาหมาป่าที่ยามนี้ว่างเปล่า

เดือนเพ็ญ และสายเลือดมนุษย์หมาป่าในตัวทำให้ตาสว่างจนเขาต้องออกมาเดินปล่อยความคิดที่อัดแน่นในสมอง

เมื่อเย็นลานแห่งนี้มีการประชุม ซึ่งเรื่องที่ขึ้นถกเถียงในครานี้หาเรื่องของหมาป่าไม่

อย่างน้อยก็ในสายตาของมนุษย์หมาป่าบางตน พวกเขาโต้เถียงกันเรื่อง "เมาคลี" เด็กมนุษย์ที่อยู่ในการเลี้ยงดูของรัคชา ภรรยาแสนงามของเขา

"นำตัวเด็กนั่นมาให้ข้า ในวันที่ข้าหลุดพ้นการจองจำ"

เสียงทรงอำนาจของราชาแห่งป่า แชร์ คาน ขู่กรรโชกใส่เขาและเพื่อนพ้อง ในวันที่บุรุษผู้นั้นถูกจับกุมไปยังก้องในหู

แชร์ คาน ชายผู้กลายร่างเป็นเสือโคร่งตัวมหึมา เขี้ยวและกรงเล็บของมันเคยครอบครองเซสโอริคก่อนที่ฝูงหมาป่าของเขาจะเข้ามา 

เขากับมันเคยประมือกันนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อแย่งอำนาจเหนืออาณาจักรนี้

จนกระทั่งเสือร้ายถูกไล่ล่าฐานปลิดชีพชายชาวมนุษย์ผู้หนึ่งและกำลังจะคร่าชีวิตเด็กน้อยอีกคน

แชร์คานถูกคุมขังที่เรือนจำอีโนล่า คุกสำหรับอาชญากรตัวเอ้เป็นเวลา 7 ปีเต็ม

โดยอาคีล่ารู้ว่าเมื่อพ้นโทษมันจะต้องออกมาตามหาเด็กชายผู้นั้นแน่นอน

เพื่อเอาคืนบาดแผลไหม้ร้ายแรงที่พ่อของเมาคลีได้ฝากไว้บนใบหน้าตน

เสียงฝีเท้าแผ่วดังขึ้นด้านหลัง ปรากฏร่างในชุดขาวของหญิงสาวผู้เป็นที่รักของอาคีล่า รัคชา วัลโก ภรรยาสาวที่หมาป่าบางตนในฝูงของเขาเห็นว่าเธอทำตัวแกร่งกร้าวเกินไป

ด้วยการปกป้อง ไม่ยอมให้มอบตัวเมาคลีให้แชร์ คาน

"เดี๋ยวฉันกลับเข้าไป..."

ชายวัยกลางคนเอ่ยโดยไม่หันมา เธอหยุดยืนนิ่งเหมือนอยากกล่าวบางอย่างแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา

อาคีล่าพอรู้ว่าหล่อนจะบอกอะไร... เขาและเธอรักเมาคลีเหมือนลูกในใส้ ไม่ต่างไปจากเกรย์ น้องชายต่างสายเลือดของเมาคลีที่เป็นลูกแท้ๆของเขากับรัคชาแม้แต่น้อย

สิ่งที่แชร์คานต้องการนั้น แลกกับความปลอดภัยของสมาชิกคนอื่นๆในวัลโกแฟมิลี่

เขารู้ว่าหากต่อต้าน พวกเขาเองที่ต้องถูกเขี้ยวคมของเสือนั่นมุ่งร้าย พรรคพวกของเขาที่อยู่ในอิโนล่าได้แจ้งข่าวร้ายมากับสายลม

เสียงเห่าหอนที่รู้ความหมายกันเฉพาะในหมู่มนุษย์หมาป่า

แชร์ คาน กำลังจะกลับมา 

เวลาเจ็ดปีผ่านไปยาวนานแต่ไฟแค้นของมันยังไม่ดับมอด

"เมาคลีเป็นพวกพ้องของเรา..."

สภาหมาป่าคงต้องถกเถียงเรื่องนี้อีกหลายครา อาคีร่าก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะเมินเฉยต่อเสียงค้านของมนุษย์หมาป่าตนอื่นได้แค่ไหน

ลมพัดกรรโชกต้องผมสีเงินของเขาที่เงยหน้าสูดลมหายใจ ได้กลิ่นของฝนจางๆ มาจากที่ไกลๆ

เมื่อสายน้ำในแม่น้ำลูปเต็มเปี่ยม คงถึงเวลาต้องตัดสินใจว่าจะเลือกความปลอดภัยของฝูงหรือชีวิตของเด็กชายชาวมนุษย์

คอนรีแห่งวัลโกคิดเมื่อจ้องมองเงามืดด้านล่างหน้าผา


---------------------------------------------------------------------------------------------------

2.

แสงจันทร์นวลของข้างแรมต้องผิวน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก แม่น้ำลูปดูเย็นฉ่ำตรงกันข้ามกับอากาศร้อนชวนหงุดหงิดก่อนฝนจะมา

แชร์ คาน รู้ดีว่าความร้อนรุ่มเหมือนเผาไหม้นี้ไม่ใช่แค่อากาศ

เสือพาดกลอนร่างยักษ์เหยียบย่างเลียบฝั่ง สีแดงฉานของดวงตาข้างที่ยังดีฉายแววคลุ้มคลั่งเมื่อมันหาร่องรอยของสิ่งที่ตามหาไม่เจอ

เมาคลี...เหยื่อที่น่าจะถูกส่งมอบให้มันตามสัญญา หลบหนีคมเขี้ยวของมันไปได้

อากาศชื้นเกินไปจนกลิ่นดินกลิ่นหญ้าคงกลบร่องรอยของพวกนั้นหมดไป ยิ่งกับเสือดำ "บากีร่า" ในความมืดแบบนี้ด้วยแล้ว

แชร์ คานเริ่มหยุดนิ่ง สูดหายใจลึกหมายบรรเทาความแสบร้อนของแผลบนใบหน้า ที่แม้เจ็ดปีผ่านมาก็ไม่มีวันหาย

มันกางกรงเล็บแหลมที่เพิ่งใช้ฝากรอยแผลไว้บนตัวอีกฝ่าย

หากบากีร่าไม่สอดมือเข้ามายุ่ง และมันไม่ต้องยั้งมือไม่ให้ฆ่าเผ่าพันธ์เดียวกัน แชร์ คานคงจะได้ตัวเด็กนั่นไปแล้ว...

เสือร้ายยกยืนขึ้นสองขา ร่างมหึมาหดกลับเท่าร่างมนุษย์ก่อนหน้า ขนแข็งหนากลับเป็นเนื้อผิว รอยริ้วแผลจากสมรภูมิกลับมาแทนที่ลายพาดกลอน

แชร์ คานหลุบมองกรงเล็บตนที่กลับเป็นนิ้วมือแข็งแกร่ง

มันชิมรสน้ำผึ้งแดงที่ติดมืออยู่ แม้สัตว์จำพวกแมวไม่รับรู้ แต่มันกลับรู้สึกได้ถึงรสหอมหวาน

"สงสัยว่าข้าต้องไปพบเพื่อนเก่าสักหน่อย..."

---------------------------------------------------------------------------------------------------

สภามนุษย์หมาป่าแห่งวัลโกก่อตั้งขึ้นก่อนอาคีล่าเกิดหลายรุ่น แม้อายุขัยของคอนรีคนปัจจุบันนี้จะยาวนานกว่ามนุษย์หมาป่าทั่วไปมากนัก 

อาจเรียกได้ว่าเขามีอายุมากพอๆกับแชร์ คาน เสือที่มีช่วงชีวิตยาวกว่าพวกเขาหลายเท่า

ความเก่าแก่ของกลุ่มมาเฟียนี้ทำให้พวกพ้องของอาคีร่า ที่ทั้งหมดเป็นชิพเตอร์หมาป่า มีกฏ กติกามากมายให้ปฏิบัติตาม เช่นเดียวกับกลุ่มอิทธิพลอื่นๆ

แม้พวกเขาจะวางมือจากการทำธุรกิจผิดกฎหมาย แต่กิจการทั้งหลายของร้านรวงในเซสโอริคไล่ไปถึงย่านซัคคาซิซา ก็ยังอยู่ใต้การควบคุมของเขาผู้เป็นจ่าฝูง

"For the strength of the pack is the wolf, and the strength of the wolf is the pack"

กฎของหมาป่า ที่วันนี้ถ้อยคำของมันดูเหมือนเย้ยหยันให้อาคีล่าเจ็บปวดอยู่สักหน่อยเมื่อพวกพ้องในสภาของเขาแตกแยกกันด้วยเรื่องของเด็กชายธรรมดา

เมาคลี ลูกชายของเขาและรัคชาผู้มีความกล้าพอที่จะออกจากฝูงไปเองเพื่อให้ข้อขัดแย้งจบลง

เด็กน้อยกล้าแกร่งกว่าหมาป่าส่วนใหญ่...รวมถึงตัวเขาด้วย ที่เล็งเห็นความปลอดภัยของฝูงมากกว่า

และยอมลงให้กับแชร์ คาน เสือร้ายแห่งเซสโอริคที่ตอนนี้นั่งอยู่ตรงข้ามเขา ท่ามกลางสภาหมาป่า

ชายร่างใหญ่ยกมุมปาก ริ้วแผลที่ใบหน้าเคลื่อนเป็นรอยยิ้มอันไปไม่ถึงดวงตา มันสวมชุดสูทราคาแพงที่ไม่ได้ปิดซ่อนความเป็นสัตว์ป่า 

อาคีล่าพอจะรู้ว่าแชร์ คาน มาที่นี่ทำไม 

ชายวัยกลางคนยืดหลังตรง ประสานมือจ้องมองอีกฝ่ายไม่วางตา แม้แชร์คานจะมาที่นี่คนเดียว อย่างสงบกว่าที่คาดไว้แต่ก็ยังไม่น่าวางใจ

"ลูกชายสุดที่รักของเจ้าไปไหน?"

วาจาและคำพูดแบบดึกดำบรรพ์ผิดสมัย ดวงตาขุ่นไร้แววของมันเหลือบไปมองคนอื่นๆในสภา แชร์ คาน ถอดแว่นตาดำของมันออกเพื่อเผยแผลร้ายแรงบนใบหน้า

คอนรีของวัลโกนิ่งไปชั่วขณะก่อนตอบอย่างเคร่งขรึม

"เมาคลีไปจากที่นี่แล้ว.."

"โอ้...ไม่...ข้าหมายถึงเกรย์ ลูกชายของเจ้ากับรัคชาต่างหาก"

ชายผมสีดอกเลากล่าวหยอกล้อ เสียงหัวเราะในลำคอราวขันเสียเต็มประดา ดูยิ่งทำให้หมาป่าหลายตนในห้องหวาดกลัวจนตัวสั่น สายตาของมันกวาดไปทั่วจนหยุดที่ด้านหลังของหญิงสาวนางหนึ่ง

เด็กชายที่อายุยังไม่ถึงเจ็ดขวบดี ยืนจ้องมันราวจะกินเลือดเนื้ออยู่ข้างนางหมาป่า ผมสีเงินยวงและดวงตาสีอ่อนนั่นมีส่วนผสมของอาคีล่าและรัคชา วัลโก

"น่าสงสารเจ้านะนี่..ที่แม่นกรักเจ้ากาเหว่ามากกว่าลูกแท้ๆ...."

เสียงทุ้มของมันเอ่ยทำนองราวจะเล่านิทาน แชร์ คาน เบนสายตาของมันไปจับจ้องวงหน้างามของเธออย่างจาบจ้วง

"แกทำให้เมาคลีต้องออกไป!"

เด็กน้อยแผดเสียงผลุนผลันเข้ามา ใบหน้าเล็กบิดเบี้ยวด้วยความโกรธที่พี่ชายต่างสายเลือดต้องถูกไล่ล่า เสือเฒ่าเหยียดยิ้มกับความไร้เดียงสานั่น มันเอื้อเงื้อมมือของมันไปหา ก่อนที่รัคชาจะมายืนขวางคั่นไว้

"อย่ามาแตะลูกของฉัน...ไอ้ขี้คุก"

เธอกล่าวลอดไรฟัน มือหนึ่งดันเด็กน้อยให้หลบด้านหลังไป หล่อนส่งเสียงขู่ แยกเขี้ยวขาวเหมือนจะกลับคืนร่างหมาป่าได้ทันที

"หยุด..ทั้งคู่นั่นล่ะ..."

เสียงกร้าวของราชาหมาป่าดังก้อง หยุดการเคลื่อนไหวของทั้งรัคชาและแชร์ คานเอาไว้ สมาชิกหมาป่าทั้งหลายต่างเงียบกริบ

ดวงตาทรงอำนาจที่ปกครองสภามานับสิบปีกราดจ้องภรรยาสาวของเขาจนเธอต้องพาเกรย์เดินออกจากห้องไป อาคีล่าลุกขึ้นจากเก้าอี้นวมหนาก่อนเพยิดหน้าให้แชร์ คาน ลุกตาม

"ไปคุยกับข้าข้างนอก..แชร์"

ชายผมเงินเดินนำอีกฝ่ายออกไปที่ระเบียงด้านนอก เสียงสาดซ่าของแม่น้ำลูปริมผาดังมาพอให้อาคีล่าผ่อนคลาย ท้องฟ้าคืนแรมมืดจนมองผิวน้ำด้านล่างได้ไม่ค่อยชัดนัก

เขาอยากพูดคุยกับอีกฝ่ายอย่างสันติ

"ข้าบอกให้เจ้ามอบเด็กนั่นให้ข้าไม่ใช่รึ..อาคีล่า"

เสือเฒ่าเอ่ยถามแบบไม่ประวิงเวลา เรียกรอยมุ่นบนหน้าผากอาคีล่าให้ผุดขึ้น เขานิ่งนาน สบตาข้างที่เหลือของมันก่อนกล่าวเนิบช้า

"เมาคลีไปจากฝูงเราแล้ว เขากำลังจะกลับไปที่ๆเขาควรอยู่...และเจ้าจะไม่ต้องพบเขาอีก

เพียงเท่านี้เราก็จะสงบสุข...ไม่ใช่รึ"

สองราชาสบตากันชั่วครู่ เสือร้ายยิ้มหยัน มันขยับยิ้มกว้าง ฟันคมสะท้อนแสงจันทร์อ่อนแรงวาววูบ

"ถึงจะต้องแลกชีวิตมันกับอีกกี่ชีวิตงั้นหรือ..."

แชร์ คาน กล่าวเสียงเบา มันเงยหน้ามองฟ้า แสงจากในตัวคฤหาสน์จับใบหน้าเป็นเงามืดดำ.....ที่โครงหน้าคมสันเริ่มกลายร่างเป็นสัตว์เดรัจฉาน

"วันนี้พระจันทร์สวยนะ..อาคีล่า...."

ชั่วพริบตา ร่างมนุษย์ของแชร์ คานกลายกลับเป็นเสือตัวใหญ่ กรงเล็บและคมเขี้ยวของมันมุ่งหมายชีวิตของอาคีล่าที่แม้จะรีบกลายร่างแล้วแต่แสงจันทร์ที่มาของพลังนั้นไม่เป็นใจ

เสือร้ายกดเขี้ยวลงขย้ำคอหมาป่า เสียงกระดูกคอแหลกละเอียดในเวลาเดียวกับทึ้งเนื้อเลือดสาดแดงฉาน มันเหวี่ยงซากไร้วิญญาณของคอนรีให้ร่วงหล่นลงมาจากระเบียงสภาหมาป่า

เสียงร่างหนึ่งกระทบพื้นน้ำเหมือนเป็นสัญญาณให้หมาป่าตนอื่นรีบพุ่งออกมา..แต่ก็สายไป

หมาป่าใส้ศึกของแชร์คานที่แฝงตัวอยู่ในสภาหลายคนกับชิฟเตอร์สัตว์หลายคนที่แชร์คานได้มาตอนอยู่ในคุกได้ล้อมคฤหาสน์แห่งนี้ไว้ได้อย่างสมบูรณ์

แชร์ คานเยื้องย่างร่างเสือของตนเดินผ่านมนุษย์หมาป่าหลายตนไป หนึ่งในนั้นคือรัคชาที่ลูกชายถูกกักตัวไว้เป็นตัวประกัน

มันนั่งลงบนเก้าอี้นั้น ตำแหน่งที่คอนรีเคยนั่งเวลาประชุมสภาหมาป่า...ตอนนี้ทุกสิ่งที่เคยเป็นของอาคีล่า คือของของมัน

เสือกลายร่างกลับเป็นคน ชายผมสีดอกเลายกยิ้มด้วยใบหน้าเปื้อนเลือด รสของมันที่ปลายเขี้ยวนั้นหอมหวานเหมือนที่คิด

"แจ้งข่าวไปว่าอาคีล่า วัลโกตายแล้ว..."

และเมาคลี เหยื่อของเขาก็จะต้องกลับมา...

ใช่ว่าจะมีแต่มนุษย์ที่วางกับดักเป็น

TBC.
(ล่ะมั้งนะ....)

---------------------------------------------------------------------------------------------------

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2559

(Dead ringers Fic) 0110

หลังจากตกหลุมลุง jeremy irons จากบทอัลเฟรดในแบทแมนก็เลยตามไปหาหนังเก่าๆลุงมาดู มีน้องๆในTLทวิตเตอร์แนะนำ Dead Ringers มา.... บ้าเอ๊ย... ฉันตกหลุมชิพคู่แฝดในทะเลเลือดคู่นี้ซะแล้ว..

Two bodies. Two minds. One soul.



////////////////////////////////////////////////////////////

Title : 0110 (สูญหนึ่ง หนึ่งศูนย์)

Rate : ธรรมดาๆ มั้ง

Genre : Angst เบาเบาว์

Pairing: Beverly Mantle / Elliot Mantle


////////////////////////////////////////////////////////////

หนึ่ง
แบ่งเป็น
สอง

มีความเชื่อที่ว่าเทพสร้างมนุษย์ขึ้นมา แล้วฉีกกระชากร่างเป็นสองซีกให้ต้องค้นหาส่วนหนึ่งของกันและกัน
บ้างพบ บ้างไม่พบ
บ้างเชื่อว่าเทพเจ้าโกรธาที่ความรักของสองส่วนเหนือล้ำกว่าที่มนุษย์สองคนนั้นมีให้ทวยเทพ
จึงทำให้เจอเพียงพบพานแล้วจากหาย
แต่สำหรับเราไม่ได้เป็นเช่นนั้น
..................
สอง
รวมเป็น
หนึ่ง

เราได้พบอีกครึ่งหนึ่งของวิญญาณ
ในลมหายใจแรกเมื่อออกจากครรภ์
ผมคือส่วนที่ขาดหายของเขา
เขาคือส่วนเติมเต็มของผม
เราสองเป็นหนึ่งเดียวกัน
เชื่อมโยงกันด้วยสายสัมพันธ์อันลึกล้ำกว่าแค่เลือดเนื้อเรือนกาย
ไม่ใช่แค่เพียงความนึกคิด ความชอบ สิ่งที่ถนัด 
สิ่งที่ต้องการ...ผมกับเขาเสพย์ซับสิ่งรอบกายร่วมกันราวแฝดสยามที่ใช้สายรกเดียว
เป็นภาพสมมาตรที่งดงามเหมือนเงาในกระจก
จนกระทั่งผู้หญิงคนนั้นเข้ามา
..................
หนึ่ง
บวก
หนึ่ง
ไม่เท่ากับ
สาม

เธอทำให้สมดุลระหว่างเราเปลี่ยนไป
สิ่งที่ผมเคยทำได้เพื่อเขาผมกลับทำไม่ได้
และสิ่งที่เขาเคยทำให้ผมกลับไร้ความหมาย...
เหมือนตัวตนของผมครึ่งนึงขาดหาย
และพังทลายลง
..................
หนึ่ง
ลบ
หนึ่ง

แม้เกลียดเท่าไหร่ก็ไม่สามารถลาจากไป
แม้รักเท่าไหร่ก็ไม่สามารถคงอยู่เคียงข้าง
สายใยสีเลือด
เปราะบาง...แต่รัดรั้ง 
เหนี่ยวนำให้เราทั้งสองต่างเริ่มทำร้ายอีกฝ่ายอย่างช้าๆ
โดยไม่รู้ว่าในเวลาเดียวกันเรากำลังทำลายตัวเอง
กรีดเฉือน
ฉีกกระชาก
เนื้อหนัง
จน
หนึ่ง
กลายเป็น
ศูนย์

วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2559

(Zootopia fic)Wild Wilde-NickJudy

จิ้งต่าย Zootopia #สปอยแหลก #ใสใสนะ

//////////////////////////////////////////////////////////

ผมนิค นิโคลัส ไวลด์... ตำรวจจิ้งจอกตัวแรก(และน่าจะเป็นตัวเดียวและตัวสุดท้า--)ของ ZPD

ต้องขอขอบคุณยัยหนูจูดี้ ฮอปส์ที่เลือกผมมาเป็นตำรวจคู่หูของเธอ 

ตำรวจ อาชีพอันสุจริตมีเกียรติยิ่งใหญ่..เปลี่ยนแปลงโลกได้บลาๆแบบที่สาวน้อยนั่นชอบท่องอาขยานให้ฟัง

มันก็ดูดีถ้าเงินเดือนตำรวจนั้นไม่แปรผกผันกับงานยิ่งใหญ่ที่ต้องทำ
(สตาร์บัคส์วันละสองแก้วก็หมดแล้ว
แต่ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ได้หารายได้อะไรเพิ่มนะ
ps.อย่าบอกแครอทล่ะ)

หลังจากเหตุการณ์ไนท์ฮาวล์เลอร์ผ่านมาหลายเดือน ผมก็ยังเป็นตำรวจคู่หูกับเธอ ที่ทำคดีนู่นนี่ที่ต้องใช้คนตัวเล็กๆอย่างผมและแครอทเข้าไปแฝงตัวสืบข่าว
(อย่างว่า..จะให้สารวัตรโบโกตัวเบิ้มนั่นไปสืบข่าวในลิตเติลโรเดนเทียก็ใช่ที่)

ข่าวลือว่ามียาเสพติดที่ทำจากดอกไนท์ฮาวล์เลอร์เจือจาง ทำเป็นยาหลอนประสาทเม็ดเล็กๆสีฟ้าตั้งชื่อใหม่ซะว่า "go wild"

คงเพราะสัตว์ผู้ล่าบางประเภทก็อยากปลุกสัญชาตญาณสัตว์ป่าของตนขึ้นมา แถมยาถอนพิษก็มี นี่มันแฟนตาซีที่ปลอดภัยชัดๆ(ประชด)

จะว่าไปก็ฮิตไม่แพ้ยาเสพติดของสัตว์ตระกูลแมว "แคทนิป" เลยทีเดียว

ดังนั้นพวกเขาที่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับคดียาในแง่นี้เลยได้รับแฟ้มหนาปึ้กจากสารวัตรควาย... (ผมไม่ได้หยาบคายนะ) ให้มาสืบข่าวเรื่องนี้

โดยมีความช่วยเหลืออย่างเต็มใจจากมร.บิ๊ก

จะว่าไปคงไม่สนุกถ้าลูกน้องหมีตัวใหญ่อาจเกิดคลั่งใส่หนูตัวเล็กๆได้ แม่มร.บิ๊กจะน่ากลัวขนาดไหนก็ตามเถอะ
ตอนนี้ผมเลยต้องมาซุ่มรอการปรากฎตัวของพ่อค้ายาอยู่แถวๆทุนดราทาวน์

หลังจากที่หาวหวอดไปหลายรอบสลับกับจะงีบหลับ ผมก็คิดขึ้นมาได้ว่าควรจะชวนตำรวจคู่หูผู้น่ารักคุยอะไรซักอย่างแก้เบื่อ

"แครอท..เธอคิดว่าไอ้ยานี่มันกินเข้าไปแล้วจะเป็นยังไงนะ"

เธอหันหูฟูๆของเธอมาทางผมข้างหนึ่ง

สายตายังไม่ละออกจากจุดเฝ้าระวังที่ได้รับข่าวมาซักนิดเป็นเวลาหลายชั่วโมงนั่น แล้วกล่าวกระซิบเหมือนกลัวคนร้าย(ที่อยู่ไหนก็ไม่รู้)ได้ยิน

"นายก็เคยโดนเสือดำไล่กัดเพราะดอกไนท์ฮาวเลอร์แล้วไม่ใช่รึไง..ไอ้ยานี่มันก็คงได้ผลพอๆกันนั่นล่ะ"

ท่าทีที่ดูไม่สนใจผมเท่าไหร่นั่นทำให้ผมอยากงับหางปุกปุยๆของเธอเรียกร้องความสนใจสักหน่อย

"ก็นั่นโดนไล่ล่า ไม่ได้เป็นคนไล่ล่าซักหน่อยนี่นา ฉันจะไปรู้ฟีลลิ่งได้ไง"

"ตอนนั้นนายก็เคยลองเล่นบทผู้ล่าคลั่งๆแล้วนี่ เล่นใหญ่ขนาดนั้นอย่าบอกว่าไม่เข้าใจ?"

กระต่ายสาวหันมาหาผมเพื่อกลอกตาอย่างอ่อนใจให้ 

เธอกอดอกยืนแหงนหน้ามองผมด้วยท่าที่เห็นทีไรผมก็อยากย่อตัวลงไปคุยด้วยเพื่อไม่ให้เธอปวดคอ

"นั่นมันการแสดง..เบบี๋ย์ คราวนี้ถ้าเกิดพลาดพลั้งขึ้นมาฉันโดนยัดยาให้กินจะทำยังไง? "

ผมหรี่ตาลงมองเธอยิ้มๆ ตาสบตา
สังเกตตาโตๆแฝงแววดื้อรั้นที่ผมไม่ค่อยได้เห็นในกระต่ายตัวไหนๆ

"เธอจะกลัวฉันรึเปล่า?"

ผมถามไปถึงจะรู้ว่าจะได้คำตอบคำเดิม

"ฉันไม่กลัวนายหรอก สัญชาตญาณในดีเอ็นเออะไรนั่นเป็นเรื่องดึกดำบรรพ์ชัดๆ"

ผมยกมุมปากยิ้มโชว์เขี้ยว กะว่าจะแหย่เล่นสักหน่อย

"แต่ฉันว่า..เธอปลุกสัญชาติญาณในตัวฉันยังไงก็ไม่รู้สิ...ถึงจะไม่ได้อัพยาก็เถอะ"

อาจจะเพราะใกล้จนเกินไป แม่กระต่ายน้อยเลยดูนิ่งๆอึ้งๆผิดธรรมดาที่เธอแสนจะไฮเปอร์

ผมได้ยินเสียงหัวใจเล็กๆ เต้นรัวๆ เหมือนกลัวอย่างนั้นล่ะ..แต่กับเธอคงไม่ใช่มั้ง

"แครอท...ฮอปส์...จูดี้?"

"ไม่...ได้กลัว"

เธอพูดเสียงเบา แววตาตื่นกับจมูกดุ๊กดิ๊กนั่นไม่ได้เข้ากับคำพูดเลยสักนิด

ผมกำลังจะคิดว่าเธอกลัวแล้ว...ถ้าไม่ใช่บนแก้มขึ้นสีเรื่อเป็นแครอท

และเธอก็ไม่ได้ยกเสปรย์ไล่จิ้งจอกขึ้นมาพ่นใส่หน้า

น่ารักจนทนไม่ไหว....อยากจะทำอะไรซักอย่าง...

ไวกว่าความคิด

ผมงับเบาๆลงบนปลายจมูกกระต่ายน้อยไปอย่างทนไม่ได้

......

ก่อนจะได้รู้ว่าขาหลังเล็กๆของกระต่ายนอกจากหมั่นเขี้ยวน่างับแล้วยังถีบได้เจ็บไม่เบา