วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

(Kingsman fic(มั้ง))what's your fantasies...

what's your fantasies... #จากสัมภาษณ์อ้อย(...)


///////////////////////////////

เอ็กซี่ลืมตาขึ้นมาใต้ความมืดยิ่งกว่าอาทิตย์ดับแสง...
ความจริงคือเขาถูกปิดตาไว้ แน่นหนาพอๆกับที่ถูกล่ามมือและขาไพล่หลังไว้ บนระนาบอะไรซักอย่างที่คล้ายกับเก้าอี้
หูทั้งสองรับฟังเสียงรอบกายเท่าที่สมองพอจะรับได้ แต่ในหัวเขาอื้ออึงจนยากจะทำได้ ม่านหมอกขาวโพลนในมโนนึกบดบังจนจำไม่ได้ว่าเขาอยู่ที่ไหนก่อนมาอยู่ในสภาพนี้

(การทดสอบขั้นสุดท้ายของคิงส์แมนรึ...)

ไม่น่าจะใช่ เพระเขาข้ามผ่านมันมาแล้วแม้จะไม่ใช่ด้วยการทดสอบเพื่อเป็นแลนสล็อตในครั้งนั้น
และสืบทอดตำแหน่ง"กาลาแฮต"ต่อจากคนผู้หนึ่งที่จากไป
ทันใดเกิดเสียงเปิดประตู เสียงคลิกแผ่วของส้นรองเท้า ด้วยจังหวะที่กระตุ้นเตือนเขาถึงใครคนหนึ่งอย่างยิ่ง
เสียงนั้นหยุดลงตรงหน้าเขาที่มืดบอด พร้อมเสียงนุ่มทุ้มที่ทำให้สันหลังเปลือยของเขาเย็นเฉียบมากกว่าพื้นผิวพนักพิงที่แนบอยู่

"Hello Eggsy... "

ก่อนเสียงเสียงที่หลอกหลอนเขาทุกคืนจะหัวเราะเบาแก้เก้อก่อนเปลี่ยนคำ

"...no...Galahad?"

น้ำเสียงของคนตายดังแว่วที่ข้างหูโดยไม่ทันตั้งตัวจนสะดุ้ง

(แฮรี่...ไม่ใช่..)

อยากจะคิดว่าเป็นเพียงฝันถ้าไม่ใช่ว่าปลายนิ้วที่แตะไล่เรื่อยบนผิวเขาไม่ได้"จริง"ขนาดนี้
ไม่เหมือนทุกครั้งที่เขาลืมตาแล้วหายไป
เอ็กซี่จะอ้าปากเอ่ยถาม ก็รู้ตัวว่าถูกปิดปากไว้ด้วยพันธนาการอะไรซักอย่าง
ชายหนุ่มทำได้เพียงฟังคำพูด กล่าวทักทาย และเรื่องราวหลังการ"ตายจากคิงส์แมน"ที่เสียงนุ่มตรงหน้าเล่าขานอย่างเรียบเรื่อย
ระหว่างที่ชีพจรเต้นรุนแรงขึ้นทุกทีจากการสัมผัสเหล่านั้น
มากกว่าความหวาดหวั่นที่อีกฝ่ายกล่าวอย่างชัดเจนว่าตนไม่ใช่ "ฝ่ายเขา" อีกต่อไป
เมื่อมือแกร่งเสียดไล้ร่างกายเขา ปลุกเร้า รุกไล่จนในสมองขาวโพลน
..............
"what's your fantasies...eggsy"
..............
//////////////
แล้วแทรอนก็ตื่น #มรั่ยยยย

วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

(Kingsman fic)"oxford not brogues"

ตั้งแต่วันที่พ่อจากไป พร้อมสิ่งดีๆที่ค่อยๆเลือนหายไปจากชีวิตของเด็กชายแกรี่ "เอ็กซี่" อันวิน
ทุกครั้งที่ผู้ชายโหดร้ายที่แม่บังคับให้เขาเรียกว่า"พ่อ"เดินเข้ามา
ทุกครั้งที่มือหยาบกร้านนั้นสัมผัสตัวเขา ทั้งฉุดกระชาก ทุบตี หรือมากกว่า
เด็กน้อยจะกุมมือรอบจี้ห้อยคอทรงกลมนั่น
หลับตาแน่น..ในใจท่องประโยคหนึ่งราวกับร่ายคาถา

"oxford not brogues "

สุภาพบุรุษผู้หนึ่งที่ทิ้งจี้กับประโยคนี้ไว้ให้หากเอ็กซี่มีปัญหา

"oxford not brogues...oxford not ... please..."
เด็กน้อยท่องมันซ้ำๆ กัดฟัน ร้องเรียกหา
แต่คนคนนั้นก็ไม่เคยมา
ปาฏิหาริย์ไม่เคยปรากฎ
จนกระทั่งวันนี้
คำที่เขาแทบจะลืมเลือนและเลิกนึกถึงมันไปแล้ว
เหมือนๆกับความเชื่อว่าซานตาคลอสมีจริงนั่นล่ะ

"oxford not brogues "

ประโยคงี่เง่าที่เขาไม่เคยเข้าใจความหมายของมัน ดูน่าขันที่ยังจำมันได้อยู่
......
คราวนี้ปาฏิหาริย์กลับมายืนตรงอยู่หน้าเขา..หลังจาก17ปีที่คาถาไม่เคยได้ผล
"ให้พาไปส่งบ้านไหม..เอ็กซี่"
สุภาพบุรุษในชุดสูทกล่าวทักเขาหลังจากใช้เวทย์กลใดไม่รู้พาเขาพ้นจากการถูกจับกุมออกมาได้
ชายหนุ่มยิ้ม คิดอย่างขบขันแกมเสียดสีว่าผู้วิเศษ(หรือนางฟ้าทูนหัว)คงทำให้ปาฏิหาริย์นั้นเกิดได้แค่หนึ่งครั้งเท่านั้น
17ปีที่ผ่านมา คำขอร้องของเขาจึงไม่ได้รับการตอบรับแม้ต้องการแค่ไหนก็ตาม

..........

ยิ่งในตอนนี้ที่เขากำลังจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่สัญญาณภาพเพิ่งขาดหายไป
ปาฏิหาริย์ที่แม้จะท่องประโยคนั้นเป็นล้านครั้งก็คงไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นมาได้
ปาฏิหาริย์ที่จะทำให้ภาพที่เห็นตรงหน้า 
และกระสุนปืนที่ยิงมาที่แฮรี่ไม่ได้เป็นความจริง

...........

เป็นอีกครั้งที่คำร้องขอของเขาไม่ได้รับการตอบรับ

(Kingsman(มั้ง)fic)Proper Martini : 007Bond vs Kingsman

โดยปกติแล้ว ชุดสูทที่บอนด์สวมใส่มักเป็นของสำเร็จรูป อาจเป็นของทอมฟอร์ด กุชชี่หรือยี่ห้ออะไรซักอย่างที่เพนนีจัดหามาให้

ไม่ใช่ว่างบเครื่องแต่งกายสำหรับสายลับ007จะไม่เพียงพอการจ่ายค่าสูทสั่งตัดดีๆ แต่บอนด์คิดแค่ว่าสุดท้ายหลังจบงานมันก็จะยับเยินเป็นชิ้นๆอยู่ดี..เหมือนกับอุปกรณ์สายลับชิ้นอื่นๆ

"ใส่สูทอะไรมันก็ทำงานได้เหมือนกันล่ะน่า.."

"แต่สุภาพบุรุษต้องมีสูทสั่งตัดไว้สำหรับออกงาน..ที่เป็นงานจริงๆ"

เอ็มคนใหม่บอกเขาด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม พร้อมยื่นนามบัตรร้านตัดสูทร้านหนึ่งบนถนนsavile rowมาให้
นี่เป็นคำสั่ง

ริมฝีปากยกยิ้มเล็กน้อยจากชายผู้นั้นทำให้เขาอยากไปปลุกเอ็มม่าขึ้นมาจากหลุมแล้วมาทำหน้าที่เอ็มของเขาแทน

แต่ก็รู้อยู่ว่ามันคงทำไม่ได้ และเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงต้องมานั่งแกร่วอยู่ในร้านสูท Kingsman แบบนี้

สายลับหนุ่มนั่งกระดิกขาบนเก้าอี้นวมนุ่ม เขานั่งรอ "ห้องลองที่2" มานานเกินกว่าจะควบคุมกิริยา บรรยากาศในร้านตัดเสื้อที่ดูเข้มขลังแปลกๆนี่ทำให้เขารู้สึกอยู่ผิดที่ยังไงไม่รู้

หลังยกแก้วสก็อตซ์ดื่มเป็นแก้วที่สอง และเกือบจะปรือตาหลับเป็นรอบที่สาม ชายสูงวัยที่ท่าทางจะเป็นช่างเสื้อก็กล่าวเชื้อเชิญให้เข้าห้องลองเสื้อ ที่เพิ่งรับแขกคนก่อนหน้าเสร็จ

บอนด์ลุกขึ้นจัดคัฟลิงก์อย่างหัวเสียนิดหน่อย ก่อนปลายสายตาจะไปจรดลงยังร่างที่เพิ่งก้าวออกมาจากห้องลองที่เขารอคิว

ชายหนุ่มวัยไม่เกินสามสิบ สวมชุดสูทพอดีตัวเนี้ยบเรียบเหมือนเกิดมาเพื่อตน(ก็น่าจะใช่ สูทสั่งตัดนี่) ลวดลายเชิ้ตที่ค่อนข้างจะฉูดฉาดทำให้บอนด์เผลอมองมันเล็กน้อย

ดึงดูดตา ทำให้นึกถึงคำว่า โดดเด่น (flamboyance)

ทำให้นึกถึงบางคน บางความทรงจำเมื่อประมาณสองสามปีก่อน

สายลับหนุ่มหลับตาลง กดหัวคิ้วด้วยปลายนิ้วมือ ลบสิ่งที่กำลังคิดทิ้งไปก่อนย่างก้าวไปที่หน้าประตูห้องลองเสื้อ สายตาบังเอิญสบกับชายหนุ่มวัยอ่อนกว่าที่หยุดคุยกับช่างเสื้ออย่างออกรสและคุ้นเคย

บอนด์บอกได้จากแววตาว่าชายหนุ่มคนนั้นคงไม่ใช่ช่างเสื้อ"อย่างแน่นอน"

.....ไม่ใช่ว่าเพราะคนหนุ่มกว่านั่นสวมเชิ้ตลายกราฟิตี้กับสูทหรู
หรือสวมรองเท้าอดิดาสแทนที่จะเป็นรองเท้าหนังหรอกนะ.......

แต่เป็นความรู้สึกคุ้นเคยเหมือนได้พบเพื่อนร่วมงาน..ซึ่งบอนด์บอกไม่ถูกว่าทำไม

ครึ่งชั่วโมงของการวัดตัวผ่านไป เขาได้เลือกเนื้อผ้าที่ดูจะแปลกไปนิดหน่อยสำหรับชุดสูทธรรมดา ผิวสัมผัสของผ้าที่เหมือนจะแข็งแกร่งทนทาน..อาจจะใส่กันกระสุนได้เหมือนที่เอ็มได้พูดไว้?

บอนด์หัวเราะในลำคอกับมุกตลกฝืดๆของมิสเตอร์เอ็ม เดินออกจากห้องลอง มองเวลาแล้วคิดว่าน่าจะยังเหลือพอที่จะแวะที่ไหนสักทีก่อนกลับHQ

แต่ชายหนุ่มในชุดสูทคิงส์แมนนั่นก็ยังนั่งลอยชายอยู่ที่เลาจน์ จิบมาตินี่อย่างสบายใจเหมือนเป็นบ้านตัวเอง
ทำเอาบอนด์อยากได้มาตินี่ซักแก้วขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

เหมือนจะอ่านใจได้ อีกฝ่ายยกแก้วขึ้นเชื้อเชิญให้นั่ง ก่อนเดินไปประจำที่เคาน์เตอร์บาร์

"ซักแก้วไหม?"ด้วยสำเนียงอังกฤษจ๋าที่ดูน่าหมั่นใส้น้อยๆ

ชายหนุ่มผสมมาตินี่แก้วใหม่อย่างไม่รอให้เอ่ยถาม 

บอนด์ที่กำลังจะกล่าวว่า "วอดก้า เขย่าไม่คน" ถึงกับตาค้างเมื่อเห็นชายอ่อนวัยกว่าเทจินลงไปในแก้วแล้วคนอย่างเมามัน

...................

เกือบๆสิบวินาที...

บอนด์รับแก้วทรงสูงเย็นเฉียบมาดื่มแบบมุ่นคิ้วหน่อยๆ

"ที่นี่เขาชงแบบนี้กันหรือไง?"

อีกคนหัวเราะในลำคอ นั่งลงจิบแก้วของตนต่อไป

"นี่เป็นสูตรที่ดีที่สุดจากมิตรคนนึงของผมเชียวนะ..ว่าแต่คุณเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก"

"มีสุภาพบุรุษท่านหนึ่งแนะนำมาน่ะ.." บอนด์พยายามคุมน้ำเสียงประชดผู้บังคับบัญชาของตน

"งั้นก็วัดตัวตัดสูทครั้งแรก.." เขาพยักหน้าหงึกหงัก ยิ้มบางเบาและหลุบตาลงเล็กน้อย "คุณคงได้พบประสบการ์ที่น่าประทับใจ.."

...ที่จริงก็ไม่ใช่ครั้งแรก

แต่การสวมสูทสั่งตัด..จากเวสเปอร์ครั้งนั้นคงไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีเท่าไหร่นักสำหรับบอนด์

สายลับตอบกลับไปอย่างฝืดเผื่อน..จากทั้งความทรงจำในหัวและรสชาติมาตินี่

"ก็ไม่เชิง..ปกติใส่ของสำเร็จรูปน่ะ พอใส่แบบสั่งตัดแล้วรู้สึกผื่นจะขึ้น.."

ชายสูงวัยกว่าวางแก้วลงแล้วลุกขึ้น ชายหนุ่มอ่อนวัยกว่าหัวเราะลั่นราวกับลืมกิริยาความเป็นสุภาพบุรุษไป เขายิ้มแล้วขยิบตาให้บอนด์ทีหนึ่ง

"งั้นนายคงต้องกินยาแก้คันอีกหลายรอบ..จะรีบไปไหนหรือพวก"

คำพูดคำจาที่ดูเปลี่ยนไปทำให้หัวคิ้วของบอนด์เลิกขึ้นนิดๆ ริมฝีปากบางยิ้มเหยียดก่อนกล่าวเสียดสี

"ไปสุสาน..จะไปไหม?"

สายลับอังกฤษหยิบข้าวของของตนเตรียมจะลุกขึ้น ไม่ทันแต่เห็นรอยยิ้มที่หม่นลงเล็กน้อยขออีกฝ่าย

"ถ้ามีหลุมที่อยากไปเยี่ยมก็คงไปด้วยอยู่หรอก..เสียดายที่ไม่มี"

เสียงเจือแววขื่นเล็กน้อย

บอนด์คิดว่าคงเป็นเพราะสูตรมาตินี่"ของมิตรสหายท่านหนึ่ง"ที่แสนจะไม่ถูกรสนิยมเขาแน่ๆ

"แล้วพบกันใหม่.."

ชายหนุ่มวัยอ่อนกว่ากล่าวอำลาเมื่อบอนด์เปิดประตูก้าวจากมาแบบไม่ค่อยมีมารยาทเท่าไหร่

บอนด์กลอกตา แล้วหวังว่าคงไม่ต้องมาที่นี่อีก โดยลืมไปว่าต้องมาวัดตัวและลองชุดอีกหลายครั้ง

เรื่องนั้นค่อยเอาไว้ทีหลัง เขาปล่อยความคิดให้ลอยล่องระหว่างมองผ่านกระจกรถแท็กซี่แล่นเลียบแม่น้ำเทมป์

แล้วขอให้คนขับจอดให้ลงก่อนจะถึงตึกMI6เล็กน้อย ก้าวเท้าเดินไปตามเส้นทางสู่ออฟฟิศเก่าที่ตอนนี้ไม่ได้ใช้งาน

ถึงจะไม่ได้ตั้งใจนัก แต่ที่เขาบอกว่าจะมา"สุสาน"นั่นก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นแค่คำประชด

สายลับหนุ่มก้าวเท้าขึ้นลิฟท์ ขึ้นตึกไปสู่ชั้น6ที่เคยมีทีมงานสายลับอังกฤษทำงานอยู่ที่นั่น จนกระทั่งเมื่อเกิดเรื่องสักสามปีที่แล้ว

ภายในตึกซ่อมแซมเรียบร้อย พร้อมผนังแกรนิตจารึกชื่อผู้ร่วมงานของเขาที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในโลกนี้อีกแล้ว

ปลายนิ้วไล้แผ่วไปบนตัวอักษรที่สลักไว้บนแผ่นหินดำเงา

ทีละคำ

สุสานของเขาคือที่นี่..

ติอาโก โรดริเกซ....

ผู้ที่บอนด์คิดว่าสูทสั่งตัดร้านนั้นน่าจะเข้ากับผมบลอนด์สว่างของเขาอยู่มากทีเดียว

..........................................................

วันนี้จะมีเทรลเลอร์ Spectre ภาคใหม่ของ007 เลยนึกถึงซิลวาขึ้นมานิดหน่อย /เรือจมแล้วของข้าาาา

วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

(Kingsman fic) King's knight : Kingsman & King's Speech Crossover 

ถึงจะกล่าวได้ว่าองค์กรคิงส์แมนเป็นหน่วยงานลับอิสระ ที่ไม่ขึ้นตรงกับประเทศหรือหน่วยงานใดๆทั้งสิ้น แต่ก็มีบางครั้งที่ต้องร่วมงานกับองค์กรอื่นบ้าง ในสภาวะฉุกเฉินอย่างช่วงสงครามโลกที่ทุกอย่างสับสนวุ่นวายจนอาจแยกฝักฝ่าย

มีเอกสารเก่าๆอันเป็นความลับสุดยอดในหีบของ"เมอร์ลิน"ผู้คุมความลับทั้งหมดของคิงส์แมนรองลงมาจากอาเธอร์ระบุไว้

ย้อนไปประมาณปี 1940 คิงส์แมนได้เข้าร่วมปฏิบัติการลับที่กลายมาเป็นเรื่องขัดแย้งกับราชสำนักอังกฤษและMI6แบบไม่ได้ตั้งใจ

เนื่องด้วยสงครามและการสูญเสียบุคลากรหลายคนไปจากการแทรกแซงของฝ่ายอื่น เมอร์ลินผู้เข้ารับตำแหน่งอาเธอร์คนใหม่หมาดๆจึงตกลงจะทำงานร่วมกับหน่วยสืบราชการลับลับของอังกฤษที่ตามข่าวคิงส์แมนมาจากไหนก็ไม่ทราบได้ ภายใต้ปฏิบัติการชิงตัวประกันในใจกลางลอนดอน

และเอกสารที่แนบไว้มีเพียงจดหมายเขียนด้วยลายมือสั้นๆ

"save the king, Kingsman"

ลงชื่อไว้ด้วยอักษรตัวM ซึ่งอาจย่อมาจาก มิงกีส ชายผู้เข้ามาฝากจดหมายนี้ไว้กับตัวเขาโดยตรง

รายละเอียดภารกิจไม่แน่ชัดเพราะข้อมูลถูกทำลายทิ้งไปเป็นส่วนใหญ่แต่พอทราบเลาๆว่าภารกิจจบท้ายสำเร็จ

ตัวประกันปลอดภัย เอเจนต์ที่ทำงานนั้นถึงจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งได้รับตำแหน่ง"กาลาแฮด"ไปหมาดๆทำงานได้สมบูรณ์แบบไม่ต่างจากที่คนเก่าทำไว้

หมายเหตุไว้ว่ามีการกระทำไม่สมควร"ขั้นร้ายแรง"กับเป้าหมาย แต่ตัวประกันไม่ถือสาเอาความแม้ฝ่ายหน่วยสืบราชการลับอังกฤษเรียกร้องให้ส่งตัวเอเจนต์ผู้นั้นไปลงโทษก็ตาม

เอกสารนั้นถูกเก็บไว้อย่างแน่นหนา จากทั้งทางฝ่ายคิงส์แมนและ MI6 ที่หลังจากนั้นก็ไม่เคยได้ข้องเกี่ยวกันอีก...

ข้อมูลที่ขาดหายไป คือส่วนของรายงานภารกิจที่เขียนโดย แกรี่ อันวิน ผู้ได้รับตำแหน่งต่อจาก แฮรี่ ฮาร์ท เอเจนต์คนเก่าที่ตายไปก่อนหน้านั้น

ข้อความระบุรูปพรรณของตัวประกันและบทสนทนา

"....ชายคนนั้นหน้าตาเหมือนแฮรี่ไม่มีผิด
จนผมคิดว่าเป็นภาพหลอน และต้องการจะทำลายมันทิ้งไป....
...เขาบอกว่าชื่อเบอร์ตี...
...เป็น KING ของปฏิบัติการนี้... "

และสิ่งที่เอ็กซี่ไม่ได้รายงานในเอกสารหรือบอกกล่าวกับใครที่ไหน แม้แต่กับเมอร์ลิน..อาเธอร์ในขณะนั้น

ว่าชายผู้นั้นให้อภัยเอ็กซี่...ปลอบโยนเขาที่ร่ำให้ คร่ำครวญว่าใบหน้าของชายผู้นั้นเหมือนแฮรี่ของเขาแค่ไหน

และขอร้องให้อีกฝ่ายฆ่าตน เพื่อจะได้ไม่ต้องเห็นใบหน้านั้นที่หลอกหลอนเขาไม่ว่าเวลาหลับหรือตื่น

"You're going to go through tough times..."

คำพูดสั้นๆ ด้วยเสียงนุ่มหู และมือที่แตะหลังมือเขาอย่างอบอุ่นแม้เอ็กซี่เพิ่งจะยกปืนจ่อหน้าชายผู้นี้ไปเมื่อครู่

ได้ช่วยเขาไว้แค่ไหนในช่วงเวลาแห่งความสูญเสียนั้น..

//////////////////

คือเห็นแฟนอาร์ตเกาหลีซักอันเป็นเอ็กซี่พบคิงเบอร์ตี้ในคิงสปีชแล้วคิดว่าเป็นแฮรี่ /พรากกกก


(Kingsman fic) Only on my mind : Eggsy POV

Only on my mind : Eggsy POV

แกรี่ "เอ็กซี่" อันวิน มักตื่นขึ้นกลางดึกบ่อยครั้ง

ส่วนใหญ่เกิดจากฝันร้ายที่ฉุดเขาจากที่นอนอบอุ่น ให้ลุกขึ้นอย่างหวาดผวา เหงื่อโทรมกาย และหายใจหอบหนักราวขาดแคลนอากาศ

สมัยเด็กคือฝันถึงกลิ่นเหล้า..เสียงสบถกักขละ..ใบหน้าชั่วร้าย และบาดแผลจากการทำร้ายของดีนพ่อเลี้ยงห่วยแตกของเขา

โตขึ้นมาหน่อยก็ฝันถึงน้ำมหาศาลที่กดเขาให้ดิ่งลึงลงไปแบบไร้อากาศหายใจ

เขาโทษการทดสอบครั้งแรกนั่นที่ทำให้นอนเต็มตาไม่ได้ไปช่วงหนึ่ง

แต่ไม่เหมือนฝันช่วงนี้...

ในฝันเอกซี่เห็นมือตัวเองชุ่มโชกไปด้วยเลือด เสือดที่ติดตามใบหน้าและร่างกาย บนคมมีด ที่ปลายไม้แหลม และสุดทางของวิถีกระสุน

เลือดไหลอาบนองพื้นสถานที่ที่น่าจะเป็นโบสถ์สักแห่งหนึ่งที่เขาคุ้นตา

แม้จะเคยเห็นมันแค่จากบนจอแลปท็อป

ผ่านกล้องที่ฉายภาพมาจากมุมมองของใครคนหนึ่งที่เขาไม่เคยลืมได้

ความฝันที่ท่วมท้นไปด้วยสีแดง เลือด และการฆ่าฟันที่สุดท้ายหลงเหลือเพียงซากศพที่กองทั่วบริเวณ

ภาพที่เห็นนั่นราวภาพนรก แต่เอ็กซี่กลับไม่อยากให้มันจบหรือตื่นขึ้นเอาซะเลย

ทุกครั้ง ในฝัน เขาจะมองหากระจกหรืออะไรซักอย่างที่สะท้อนภาพของตนออกมาได้ และหวังเพียงได้เห็นภาพใครคนนั้น..เจ้าของภาพที่ฉายจากกล้องแว่นตานั้น

แต่ไม่เคยพบซักครั้ง..ในฝัน..ถึงแม้เขาจะพยายามเท่าไร

ทั้งที่ที่ในความเป็นจริงเอ็กซี่เห็นภาพหลอนของเขาที่ปลายสายตาเวลาสวมแว่นสอดแนม

หรือภาพวูบไหวที่ด้านหลังตัวเขาในกระจกเวลาแต่งกายเพื่อออกไปทำภารกิจ

แฮรี่...

เอ็กซี่ไม่เคยได้ยินชื่อนั้นจากปากเมอร์ลินเลยหลังจากครั้งนั้น

ไม่สิ ตอนนี้ต้องเรียกคนๆนั้นว่า อาเธอร์ คนปัจจุบัน และตัวตนของแฮรี่ที่หายไปตามเวลาที่ผ่าน

เอกซี่ใช้โค้ดเนม"กาลาแฮด"มาได้เกือบสามปีแล้ว กับอพาร์ตเมนต์เก่าของแฮรี่ที่ถูกปิดตายไป

หลักฐานทุกอย่างที่บอกว่าแฮรี่เคยใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นถูกเก็บกวาดไปที่ไหนสักแห่งหลังการตายของเขาได้ไม่นาน ตามคำสั่งอาเธอร์คนใหม่

กาลาแฮดไม่เคยถามว่าทำไมถึงต้องทำแบบนั้น

ดูท่าอีกฝ่ายก็ไม่ต้องการจะพูดถึงชายผู้นั้นอีก

และเรื่องราวที่เขารู้เกี่ยวกับแฮรี่มันก็จบลงตรงแค่หนึ่งวันเต็มที่ได้อยู่ด้วยกันก่อนจะจากลา
หน้าหนังสือพิมพ์บนผนังสีแดง

เรื่องราวภารกิจที่แฮรี่เคยทำมา

ใบหน้าและน้ำเสียงภาคภูมิเล็กๆที่เห็นเขาตื่นตาตื่นใจกับเรื่องราวเหล่านั้น
ทั้งหมดมันคือตัวตนของแฮรี่ที่เขายึดเหนี่ยวไว้

เท่าที่ยังเหลืออยู่...เท่าที่เขามีโอกาสได้รู้จัก

ก่อนที่ชื่อนั้นจะกลายไปเป็นเพียงหนึ่งใน "อดีตกาลาแฮด"

เอ็กซี่ถอนหายใจ ตอนนี้เวลาปาไปครึ่งค่อนคืนและตนต้องพักผ่อนให้เพียงพอรับงานในบ่ายวันรุ่งขึ้นที่อาเธอร์จัดไว้ให้

ไม่มีเวลาสำหรับนอนฝันร้าย(..ที่เขาอยากเห็นมันบ่อยๆ..)อีกแล้วสำหรับในคืนนี้

ชายหนุ่มรินของเหลวสีทองลงแก้ว

เหล้าคอนยัคแบบเดียวกับที่ใช้ดื่มไว้อาลัยเหล่าคิงส์แมน

แต่เอ็กซี่ใช้มันแทนยานอนหลับเพื่อให้ข่มตาหลับลงได้...

โดยไม่พยายามฝันถึงแฮรี่อีก...

/////////////////////

เพ้อมากน้ำตาจิไหล แงแง จริงๆฮาร์ทวินเราชิพแบบฮาๆมุ้งมิ้งนะเนี่ย ทำไมฟิคออกมา(.....)

(Kingsman fic) Kingsman Firstclass--- /prologue

Kingsman Firstclass--- /prologue
เห็นแคสต์แต่ละคนตอนหนุ่มๆ(โดยเฉพาะปู่ไมเคิลเคน)แล้วอยากให้มีสปินออฟเป็นสมัยแฮรี่เป็นเด็กฝึกมากๆ

//////////////////

ชายหนุ่มจ้องกองทัพเครื่องบินและยุทโธปกรณ์ตรงหน้าอย่างตื่นตาตื่นใจ แต่ชายสูงวัยในชุดสูทเนี้ยบกริบส่งเสียงเตือนไว้เสียก่อน
"นายจะทำฉันสาย..แฮรี่...มานี่ซะ"
น้ำเสียงเข้มแฝงคำสั่งในทีนำเขาเข้าไปในโถงกว้าง กลุ่มชายวัยเดียวกับเขาหลายคนทั้งนั่งและยืนพูดคุยกันอยู่ในห้องเหมือนรออะไรซักอย่าง
มิสเตอร์คิง คนรู้จักหนึ่งเดียวของเขาในที่นี้พยักหน้าเรียกเขาจากเบื้องหน้ากลุ่มคนที่เริ่มตั้งแถวยืนเป็นระเบียบ
"สวัสดียามบ่าย..พวกเธอคงรู้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่เพราะอะไร..."

(ให้ตายเถอะ...มีผมคนเดียวรึไงที่ไม่รู้ว่าเรามาทำบ้าอะไรที่นี่)

"ขอแนะนำ...ผู้ช่วยของฉัน ที่จะมาทดสอบพวกเธอ"
ชายหนุ่มสูงโปร่งในเสื้อเสว็ตเตอร์สีขรึมปรากฎกายเคียงข้างเขาเมื่อไหร่ผมไม่ทันได้สังเกต เขาจ้องมองผมผ่านแว่นด้วยสายตาไม่พอใจนัก เห
มือนว่าผมจะไปขโมยของสำคัญของเขามาซะอย่างนั้นล่ะ
เชสเซอร์ คิง กระซิบเรียกเขาข้างหูด้วยชื่อภาษาอะไรซักอย่างที่ผมฟังไม่ชัด มือแตะบ่าชายหนุ่มคนนั้นให้ขยับไปข้างหน้า
ผมมองเห็นคลิปบอร์ดในมือเขาที่มีรายชื่อและรูปถ่ายของคนที่อยู่ในห้องนั้นสั่นไหวเล็กน้อย
รวมทั้งความประหม่าใต้ท่าทางเรียบเฉยนั่น ที่เหมือนว่างานนี้น่าจะเป็นงานแรกของเขา
และผมคงจ้องเอาจ้องเอาจนเขารู้ตัวแล้วส่งสายตาคมกริบมาให้
"ฟัง..."
เสียงต่ำขรึมกล่าวออกคำสั่งชายหนุ่มทั้งหมดในห้องรวมถึงผมด้วย
ดูจะเครียดจนผมอดยิ้มไม่ได้
"ฉันชื่อเมอร์ลิน..และพวกนายกำลังเข้าสู่การสัมภาษณ์งานที่อันตรายที่สุดในโลก..."
ชายหนุ่มนามเมอร์ลินเริ่มพล่ามเรื่องวิธีการทดสอบนู่นนี่พร้อมกราดสายตาอาฆาตไปทั่วห้อง
.
.
เมอร์ลิน พ่อมดของคิงส์แมนงั้นหรือ
(แต่ผมว่าที่ได้ยินคิงเรียกชื่อเขาเมื่อครู่มันไม่ใช่แฮะ)
TBC