โดยปกติแล้ว ชุดสูทที่บอนด์สวมใส่มักเป็นของสำเร็จรูป อาจเป็นของทอมฟอร์ด กุชชี่หรือยี่ห้ออะไรซักอย่างที่เพนนีจัดหามาให้
ไม่ใช่ว่างบเครื่องแต่งกายสำหรับสายลับ007จะไม่เพียงพอการจ่ายค่าสูทสั่งตัดดีๆ แต่บอนด์คิดแค่ว่าสุดท้ายหลังจบงานมันก็จะยับเยินเป็นชิ้นๆอยู่ดี..เหมือนกับอุปกรณ์สายลับชิ้นอื่นๆ
"ใส่สูทอะไรมันก็ทำงานได้เหมือนกันล่ะน่า.."
"แต่สุภาพบุรุษต้องมีสูทสั่งตัดไว้สำหรับออกงาน..ที่เป็นงานจริงๆ"
เอ็มคนใหม่บอกเขาด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม พร้อมยื่นนามบัตรร้านตัดสูทร้านหนึ่งบนถนนsavile rowมาให้
นี่เป็นคำสั่ง
ริมฝีปากยกยิ้มเล็กน้อยจากชายผู้นั้นทำให้เขาอยากไปปลุกเอ็มม่าขึ้นมาจากหลุมแล้วมาทำหน้าที่เอ็มของเขาแทน
แต่ก็รู้อยู่ว่ามันคงทำไม่ได้ และเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงต้องมานั่งแกร่วอยู่ในร้านสูท Kingsman แบบนี้
สายลับหนุ่มนั่งกระดิกขาบนเก้าอี้นวมนุ่ม เขานั่งรอ "ห้องลองที่2" มานานเกินกว่าจะควบคุมกิริยา บรรยากาศในร้านตัดเสื้อที่ดูเข้มขลังแปลกๆนี่ทำให้เขารู้สึกอยู่ผิดที่ยังไงไม่รู้
หลังยกแก้วสก็อตซ์ดื่มเป็นแก้วที่สอง และเกือบจะปรือตาหลับเป็นรอบที่สาม ชายสูงวัยที่ท่าทางจะเป็นช่างเสื้อก็กล่าวเชื้อเชิญให้เข้าห้องลองเสื้อ ที่เพิ่งรับแขกคนก่อนหน้าเสร็จ
บอนด์ลุกขึ้นจัดคัฟลิงก์อย่างหัวเสียนิดหน่อย ก่อนปลายสายตาจะไปจรดลงยังร่างที่เพิ่งก้าวออกมาจากห้องลองที่เขารอคิว
ชายหนุ่มวัยไม่เกินสามสิบ สวมชุดสูทพอดีตัวเนี้ยบเรียบเหมือนเกิดมาเพื่อตน(ก็น่าจะใช่ สูทสั่งตัดนี่) ลวดลายเชิ้ตที่ค่อนข้างจะฉูดฉาดทำให้บอนด์เผลอมองมันเล็กน้อย
ดึงดูดตา ทำให้นึกถึงคำว่า โดดเด่น (flamboyance)
ทำให้นึกถึงบางคน บางความทรงจำเมื่อประมาณสองสามปีก่อน
สายลับหนุ่มหลับตาลง กดหัวคิ้วด้วยปลายนิ้วมือ ลบสิ่งที่กำลังคิดทิ้งไปก่อนย่างก้าวไปที่หน้าประตูห้องลองเสื้อ สายตาบังเอิญสบกับชายหนุ่มวัยอ่อนกว่าที่หยุดคุยกับช่างเสื้ออย่างออกรสและคุ้นเคย
บอนด์บอกได้จากแววตาว่าชายหนุ่มคนนั้นคงไม่ใช่ช่างเสื้อ"อย่างแน่นอน"
.....ไม่ใช่ว่าเพราะคนหนุ่มกว่านั่นสวมเชิ้ตลายกราฟิตี้กับสูทหรู
หรือสวมรองเท้าอดิดาสแทนที่จะเป็นรองเท้าหนังหรอกนะ.......
แต่เป็นความรู้สึกคุ้นเคยเหมือนได้พบเพื่อนร่วมงาน..ซึ่งบอนด์บอกไม่ถูกว่าทำไม
ครึ่งชั่วโมงของการวัดตัวผ่านไป เขาได้เลือกเนื้อผ้าที่ดูจะแปลกไปนิดหน่อยสำหรับชุดสูทธรรมดา ผิวสัมผัสของผ้าที่เหมือนจะแข็งแกร่งทนทาน..อาจจะใส่กันกระสุนได้เหมือนที่เอ็มได้พูดไว้?
บอนด์หัวเราะในลำคอกับมุกตลกฝืดๆของมิสเตอร์เอ็ม เดินออกจากห้องลอง มองเวลาแล้วคิดว่าน่าจะยังเหลือพอที่จะแวะที่ไหนสักทีก่อนกลับHQ
แต่ชายหนุ่มในชุดสูทคิงส์แมนนั่นก็ยังนั่งลอยชายอยู่ที่เลาจน์ จิบมาตินี่อย่างสบายใจเหมือนเป็นบ้านตัวเอง
ทำเอาบอนด์อยากได้มาตินี่ซักแก้วขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
เหมือนจะอ่านใจได้ อีกฝ่ายยกแก้วขึ้นเชื้อเชิญให้นั่ง ก่อนเดินไปประจำที่เคาน์เตอร์บาร์
"ซักแก้วไหม?"ด้วยสำเนียงอังกฤษจ๋าที่ดูน่าหมั่นใส้น้อยๆ
ชายหนุ่มผสมมาตินี่แก้วใหม่อย่างไม่รอให้เอ่ยถาม
บอนด์ที่กำลังจะกล่าวว่า "วอดก้า เขย่าไม่คน" ถึงกับตาค้างเมื่อเห็นชายอ่อนวัยกว่าเทจินลงไปในแก้วแล้วคนอย่างเมามัน
...................
เกือบๆสิบวินาที...
บอนด์รับแก้วทรงสูงเย็นเฉียบมาดื่มแบบมุ่นคิ้วหน่อยๆ
"ที่นี่เขาชงแบบนี้กันหรือไง?"
อีกคนหัวเราะในลำคอ นั่งลงจิบแก้วของตนต่อไป
"นี่เป็นสูตรที่ดีที่สุดจากมิตรคนนึงของผมเชียวนะ..ว่าแต่คุณเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก"
"มีสุภาพบุรุษท่านหนึ่งแนะนำมาน่ะ.." บอนด์พยายามคุมน้ำเสียงประชดผู้บังคับบัญชาของตน
"งั้นก็วัดตัวตัดสูทครั้งแรก.." เขาพยักหน้าหงึกหงัก ยิ้มบางเบาและหลุบตาลงเล็กน้อย "คุณคงได้พบประสบการ์ที่น่าประทับใจ.."
...ที่จริงก็ไม่ใช่ครั้งแรก
แต่การสวมสูทสั่งตัด..จากเวสเปอร์ครั้งนั้นคงไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีเท่าไหร่นักสำหรับบอนด์
สายลับตอบกลับไปอย่างฝืดเผื่อน..จากทั้งความทรงจำในหัวและรสชาติมาตินี่
"ก็ไม่เชิง..ปกติใส่ของสำเร็จรูปน่ะ พอใส่แบบสั่งตัดแล้วรู้สึกผื่นจะขึ้น.."
ชายสูงวัยกว่าวางแก้วลงแล้วลุกขึ้น ชายหนุ่มอ่อนวัยกว่าหัวเราะลั่นราวกับลืมกิริยาความเป็นสุภาพบุรุษไป เขายิ้มแล้วขยิบตาให้บอนด์ทีหนึ่ง
"งั้นนายคงต้องกินยาแก้คันอีกหลายรอบ..จะรีบไปไหนหรือพวก"
คำพูดคำจาที่ดูเปลี่ยนไปทำให้หัวคิ้วของบอนด์เลิกขึ้นนิดๆ ริมฝีปากบางยิ้มเหยียดก่อนกล่าวเสียดสี
"ไปสุสาน..จะไปไหม?"
สายลับอังกฤษหยิบข้าวของของตนเตรียมจะลุกขึ้น ไม่ทันแต่เห็นรอยยิ้มที่หม่นลงเล็กน้อยขออีกฝ่าย
"ถ้ามีหลุมที่อยากไปเยี่ยมก็คงไปด้วยอยู่หรอก..เสียดายที่ไม่มี"
เสียงเจือแววขื่นเล็กน้อย
บอนด์คิดว่าคงเป็นเพราะสูตรมาตินี่"ของมิตรสหายท่านหนึ่ง"ที่แสนจะไม่ถูกรสนิยมเขาแน่ๆ
"แล้วพบกันใหม่.."
ชายหนุ่มวัยอ่อนกว่ากล่าวอำลาเมื่อบอนด์เปิดประตูก้าวจากมาแบบไม่ค่อยมีมารยาทเท่าไหร่
บอนด์กลอกตา แล้วหวังว่าคงไม่ต้องมาที่นี่อีก โดยลืมไปว่าต้องมาวัดตัวและลองชุดอีกหลายครั้ง
เรื่องนั้นค่อยเอาไว้ทีหลัง เขาปล่อยความคิดให้ลอยล่องระหว่างมองผ่านกระจกรถแท็กซี่แล่นเลียบแม่น้ำเทมป์
แล้วขอให้คนขับจอดให้ลงก่อนจะถึงตึกMI6เล็กน้อย ก้าวเท้าเดินไปตามเส้นทางสู่ออฟฟิศเก่าที่ตอนนี้ไม่ได้ใช้งาน
ถึงจะไม่ได้ตั้งใจนัก แต่ที่เขาบอกว่าจะมา"สุสาน"นั่นก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นแค่คำประชด
สายลับหนุ่มก้าวเท้าขึ้นลิฟท์ ขึ้นตึกไปสู่ชั้น6ที่เคยมีทีมงานสายลับอังกฤษทำงานอยู่ที่นั่น จนกระทั่งเมื่อเกิดเรื่องสักสามปีที่แล้ว
ภายในตึกซ่อมแซมเรียบร้อย พร้อมผนังแกรนิตจารึกชื่อผู้ร่วมงานของเขาที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในโลกนี้อีกแล้ว
ปลายนิ้วไล้แผ่วไปบนตัวอักษรที่สลักไว้บนแผ่นหินดำเงา
ทีละคำ
สุสานของเขาคือที่นี่..
ติอาโก โรดริเกซ....
ผู้ที่บอนด์คิดว่าสูทสั่งตัดร้านนั้นน่าจะเข้ากับผมบลอนด์สว่างของเขาอยู่มากทีเดียว
..........................................................
วันนี้จะมีเทรลเลอร์ Spectre ภาคใหม่ของ007 เลยนึกถึงซิลวาขึ้นมานิดหน่อย /เรือจมแล้วของข้าาาา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น