วันนี้สนองนี้ดส์คู่โคตรแร์(และโคตรผิด.....ผิดมาก)
มันคือคู่ Quicksand....sandman/pitch black(boogeyman) จาก rise of the guardians
ป๋า//การ์ตูนเด็กมันก็ยังจะจิ้นตนาการ//ปิดหน้า
ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายจินตนาการใสซื่อของเด็กๆนะจ๊ะ ม๊วพพพ
ก็แค่ว่าในเเรื่องมันดูเคมีคู่กันแล้วน่าร๊ากน่ารักแค่นั้นเอง
เสะเอสถือแส้กับเคะใจน้อยซึนเอาแต่ใจ//ผิดส์
sandmanที่ดูน่ารักเรียบร้อยอ้วนกลมนุ้ยยุ้ยอารมณ์ดีที่จู่ๆก็เอสใส่พิทช์ได้อย่างหนุกหนาน
และพิทช์ที่เปิดตัวมาได้ร๊ายร้ายอลังการแต่ลงท้ายแบบน่ารักน่าสงสารยังไงไม่รู้//โปรดนึกถึงโลกิ
แต่ฟิกนี้เป็นฟิกโศกสลดนะ....ทำไมหว่า คู่ที่เห็นว่าน่ารักๆตรูข้าต้องเอามาเขียนAngstทุกทีเบยยยยย
อาวล่ะ.....ไม่พูดพร่ำทำเพลง อ่านเหอะ
///////////////////////////////////////////////////////////////
Title : Falling into Quicksand(ชื่อสิ้นคิดตามเคย....ทรุด)
Rate : PG13
Genre : Drama/Angst
Pairing: sandman/pitch black(boogeyman)หรือสลับข้างก็มะรู้ววว
Vers: Rise of the guardians Movie vers.
//////////////////////////////////////////////
Title : Falling into Quicksand(ชื่อสิ้นคิดตามเคย....ทรุด)
Rate : PG13
Genre : Drama/Angst
Pairing: sandman/pitch black(boogeyman)หรือสลับข้างก็มะรู้ววว
Vers: Rise of the guardians Movie vers.
//////////////////////////////////////////////
Falling into Quicksand
ย้อนไปในครั้งโบราณกาล ยามที่เผ่าพันธ์มนุษย์ยังไร้ซึ่งสำเนียงภาษา ศาสนาหรือขนบประเพณีใดที่ปรุงแต่งให้มีอารยธรรม และจิตวิญญาณธรรมชาติที่อารักษาพวกเขายังมีเพียงหยิบมือ
สิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ด้วยสัญชาติญาณเบื้องต้นอย่างความกลัว ความมืดคือสิ่งที่น่าหวั่นเกรง เมื่อราตรีมาเยือนหลังอาทิตย์ลับขอบฟ้า สีดำสนิทโรยตัวแผ่อาณาเขตกว้างไกล หาใช่เพียงหลบซ่อนเร้นในใต้เตียงหรือซอกมุมหลืบเร้นเฉกเช่นปัจจุบัน
พิทช์ แบล็ค หรือที่คนยุคหลังเรียกขานว่าบูกี้แมน คือราชาผู้อยู่บนบัลลังก์ที่สร้างจากความหวาดผวาในความมืดและฝันร้ายอันน่าเกรงขามนั่น
เขาควบคุม ครอบครอง และในขณะเดียวกัน คุ้มครองเหล่ามนุษย์ให้รอดพ้นจากภยันตราย ภายใต้คำเล่าลือบอกต่อวาดภาพถึงภูติผีปิศาจและสัตว์ร้ายที่เร้นกายอยู่ในความมืดมิด
ความกลัวต่อสิ่งที่จะมาพรากชีวิตทำให้มนุษย์รวมตัวกันอยู่ในแสงสว่างเล็กน้อยที่ตนสร้าง หลบซ่อนในหลืบถ้ำและถ่ายทอดความหวาดกลัวในตัวเขาผ่านเรื่องเล่าสยดสยองเพื่อข้ามผ่านค่ำคืนไปอย่างปลอดภัย
ในช่วงแรกๆพิทข์สนุกสนานกับการหยอกล้อเหล่ามนุษย์ขี้กลัวนั้นให้หวาดผวาเล่นในรูปเงาจากกองไฟบนผนังถ้ำ ในลมหวีดหวิวที่ไหวผ่านซอกผา หรือในแสงสะท้อนของดวงจันทร์ที่ฉายลงบนดวงตาของสัตว์ป่า
แต่เมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนาน พิทช์เริ่มชินชาต่อการละเล่นเก่าๆ ความหวาดกลัวจนตัวสั่นคือสิ่งเดียวที่เขาได้รับจากเหล่ามนุษย์ทำให้เขาเบื่อหน่าย เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าสีหม่นมัวใต้แสงเดือนสาดฉายแล้วเอ่ยปากถามชายในดวงจันทร์
เหมือนที่ผ่านมาหลายชั่วกาล จันทรายังคงเงียบงันไร้สรรเสียงขานตอบเขาเช่นเคย พิทช์ละสายตาจากเบื้องบนแล้วทอดมองห้วงอากาศมืดมิดที่ครอบคลุมรอบกายอย่างเหน็ดเหนื่อย
แสงสะท้อนเรื่อเรืองที่พลิ้วไหวในสายลมดึงดูดให้บุรุษแห่งฝันร้ายเพ่งมองมันอย่างไม่วางตา ละอองฝุ่นเรืองแสงที่เรียงตัวเป็นกลุ่มก้อนในอากาศดูแปลกตากว่าควันไฟที่เขาเคยเห็น พิทช์เคลื่อนกายตามความมืดที่ซ่อนเร้นในถ้ำหินเพื่อมองหาที่มาของกลุ่มหมอกนั้น
สุดเส้นสายสีทองเจือจางหยุดลงที่ส่วนลึกของซอกหลืบที่คนถ้ำพำนักอยู่ เขามองเห็นร่างเลือนลางขนาดเท่าเด็กชาวโลกร่ายปลายมือลงบนสายฝุ่นบางเบาที่ปกคลุมอยู่เหนือร่างที่หลับไหล ใบหน้าของเด็กน้อยที่ต้องผงนั้นดูคล้ายจะยิ้มเรื่ออย่างน่าประหลาด
และพิทช์รับรู้ว่าความหวาดกลัวความมืดของมนุษย์นั้นเจือจางลงจนเขาสัมผัสได้ พิทช์ย่างเข้าไปหาสิ่งนั้นด้วยท่าทางคุกคาม เขากล่าวคำถามเสียงกร้าวอย่างขัดเคือง "เจ้าคือใคร"
รูปลักษณ์บางใสที่เกิดจากฝุ่นควันสีทองนั้นแย้มยิ้มให้แล้วกล่าวด้วยเสียงที่ไม่ดังกว่าเม็ดทรายเสียดสีกันเท่าไหร่
"ข้าคือความฝัน........นามนั้นคือแซนด์แมน " ก่อนที่เงาเลือนรางนั้นจะสลายหายไปในอากาศ
ทิ้งให้พิทช์ขมวดคิ้วพลางคิดอย่างแคลงใจ เขาไม่ได้พบกับภูติอารักษ์อื่นใดมาหลายร้อยปีแล้ว สิ่งแปลกปลอมที่ดูจะคุกคามตัวตนของเขาที่มาเยือนนั้นคือสิ่งใด
ความฝัน....... สิ่งปลอบใจมนุษย์นั้นจะช่วยอะไรสิ่งมีชีวิตน่าเศร้าเหล่านั้นได้
เทพแห่งความหวาดผวาแตะนิ้วลงเก็บเม็ดฝุ่นสีทองเล็กจ้อยที่ตกอยู่ก่อนกล่าวเสียงเหยียดหยัน
"บุรุษแห่งเม็ดทรายงั้นรึ ข้าว่าชื่อธุลีดินดูจะเหมาะกับเจ้ามากกว่า"
.............................................
คราต่อมาที่เขาได้พบกับเทพแห่งฝันอีกครั้งก็หลังจากนั้นไม่ถึงร้อยปี พิทช์สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของแซนด์แมนที่เขาลอบมองจากระยะไกล จากร่างเด็กน้อยพร่าเลือนสีซีดจางที่เคยเห็นกลับกลายเป็นร่างเด็กชายที่ทั่วร่างส่องประกายระยิบระยับจนตาพร่า
เส้นสายของทรายสีเรื่อเรืองที่พลิ้วไหวอย่างมีชีวิตชีวาในสายลมโยงเข้าสู่ห้วงนิทราของมนุษย์ที่เริ่มสร้างอารยธรรมขึ้นมาในหมู่ตน ความสุขในฝันที่ซับซ้อนกว่าแค่การกินอิ่มนอนหลับอย่างปลอดภัยปรากฏขึ้นบนหมอกสีทองที่บุรุษทรายสรรสร้าง
พิทช์ปรากฏร่างขึ้นเบื้องหน้าแซนด์แมนอีกครั้งด้วยท่าทางเคืองแค้นเช่นเคย แต่ครานี้อีกฝ่ายกลับมีท่าทีนิ่งสงบไม่ถอยหนี ยิ่งทำให้เจ้าแห่งความมืดยิ่งเดือดดาลจนดวงตาสีเหลืองทองวาบวามด้วยแรงโทสะ
"เจ้าถือดียังไงจึงสอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับของในปกครองของข้า...."
เขาอ้าปากจะกล่าวต่อแต่แซนด์กลับเพียงส่งยิ้มบาง แตะนิ้วที่ริมฝีปากเป็นท่าทางราวกลัวเสียงของพิทช์จะปลุกเด็กมนุษย์ในกระท่อมให้ตื่นจากนิทรา
ก่อนหันกลับไปสนใจกับงานเบื้องหน้า ราชาแห่งฝันร้ายสุดทนจึงเอื้อมมือไปดึงตัวผู้หาญกล้าเมินเฉยตนให้หันกลับมาหา
ทันทีที่ปลายนิ้วซีดขาวของพิทช์สัมผัสผิวกายที่เคลือบคลาด้วยทรายละเอียดนั้น ประกายแวววาวกลับหม่นมัวลงจนเปลี่ยนเป็นสีดำด้าน ทรายสีหม่นมืดนั้นเคลื่อนจากมือที่ถูกยึดไว้รุกรานไปตามร่างกายของแซนด์อย่างรวดเร็ว ริ้วดำทมึนที่พาดผ่านผิวสีทองจนเป็นลวดลายน่าสยดสยอง
ด้วยความตระหนกทำให้เขาปล่อยแขนอีกฝ่ายจากพันธนาการ ทั้งสองตนยืนนิ่งค้างอยู่ท่ามกลางหมอกละอองสีเทาที่ทิ้งตัวลงสู่พื้น เสียงร่วงหล่นของเม็ดฝุ่นทำให้เทพแห่งฝันดีคืนสติพร้อมถอยห่างจากร่างตรงหน้า
ประกายแสงที่ค่อยๆกลับคืนมาอย่างช้าๆบนผิวสีทองทำให้พิทช์ถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาหยุดนิ่งจ้องมองการเปลี่ยนกลับนั้นด้วยความหวาดหวั่นทำให้บุรุษทรายมองกิริยาของเขาอย่างประหลาดใจ
"ท่านแปรเปลี่ยนทรายฝันของข้าได้" แซนด์เอ่ยปาก เสียงใสที่แจ่มชัดกว่าในความทรงจำดึงพิทช์กลับมาจากห้วงคำนึง "บางทีข้าและท่านอาจมีหัวใจคล้ายคลึงกัน"
เทพแห่งฝันกล่าวต่อเมื่อเทพแห่งความมืดมีสีหน้าเหมือนถูกเอาไปทิ้งไว้กลางแดดเที่ยงวัน "ข้าหมายถึง แก่นแท้ ของตัวตนน่ะ ท่านและข้าเหมือนมีบางอย่างที่เชื่อมโยงกัน....อาจเป็นความฝันก็เป็นได้"
พิทช์หัวเราะเยาะเย้ย "ความฝันรึ....ฝันโหดร้ายสยดสยองของข้ามีส่วนเหมือนฝันฟุ้งเฟ้อหลอกลวงของเจ้าตรงไหนกัน"
เด็กชายในแสงสีทองยิ้มร่า "อย่างน้อยท่านกับข้าก็มีตัวตนอยู่เพียงในยามราตรีเหมือนกัน"
มือเล็กเรียวยื่นมาหาจนร่างสูงเผลอก้าวถอยหลัง "และเป็นผู้ปกป้องมนุษย์ร่วมกัน"
"ข้าแซนเดอร์สัน แซนด์แมน หรือหากจะเรียกว่าแซนด์เฉยๆก็ไม่ขัด"
พิทช์กระอักกระอ่วนกับไมตรีที่อีกฝ่ายมอบให้ทั้งๆที่เขาเกือบทำให้แซนด์แปรสภาพกลายเป็นอะไรที่ดูเลวร้าย
"ข้าไม่เคยพบเทพารักษ์คนอื่นเลยตั้งแต่เกิด" เทพฝันคว้ามือเย็นชืดของพิทช์ไปจับไว้ มือน้อยนั้นอบอุ่นและนุ่มนวลจนราชาฝันร้ายไม่อยากให้ปล่อยมือ "มาทำความรู้จักกันไว้เถิด" แซนด์ส่งเสียงใสพร้อมแย้มยิ้ม
ปลายนิ้วเล็กๆที่เริ่มเปื้อนความมืดดำจากผิวสีหม่นของพิทช์ทำให้เขาสะดุ้งตัวถอยออกห่าง ร่างสูงสะบัดมือแล้วหันหลังหนี "ข้าไม่ต้องการ.......พิทช์ แบล็ค ราชาแห่งฝันร้ายเช่นข้าอยู่คนเดียวได้"
พิทช์ก้าวเข้าสู่เงาดำที่จะพาเขากลับสู่อาณาจักรของตน "คราวหน้าจงอย่าโผล่หน้ามาให้ข้าเห็นอีก" แต่เสียงใสที่ไล่หลังมาก่อนความมืดจะครอบคลุมทำให้เขาผุดยิ้มออกมา "แล้วพบกันคราวหน้า พิทช์"
เทพฝันร้ายก้มลงมองนิ้วมือเย็นซีดของตนที่มีผงทรายติดอยู่บางเบา ดูเหมือนเขาจะหลงรักสีทองเรืองรองสวยงามและเกลียดสีดำด้านที่ผสมในเม็ดทรายนี้อยู่พอๆกัน
.............................................
ศาสนาและขนบประเพณีที่ซับซ้อนของมนุษย์ก่อให้มีการเกิดของเทพอารักษ์ใหม่ๆ เขาถูกลดบทบาทลงไปเมื่อความน่ากลัวของราตรีถูกทำลายโดยแสงไฟที่มนุษย์สรรสร้าง แต่พิทช์ไม่ได้ใส่ใจนักแม้ชื่อเสียงของตนจะหลงเหลืออยู่เพียงแต่ในเรื่องเล่าขาน
เขาเหน็ดเหนื่อยจนด้านชากับความมืดที่เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องและภาพสยองขวัญในห้วงความฝันของชายหญิงทั้งหลายแล้ว ยิ่งอารยธรรมก้าวหน้าแต่ฝันร้ายของมนุษย์กลับยิ่งเลวร้ายจนน่าเบื่อหน่าย
นอกจากการดำรงอยู่อย่างเงียบเชียบในปราสาทมืดของตน ตอนนี้เขาขอได้แค่หยอกล้อเด็กเล็กๆจากมุมมืด ใต้เตียงหรือในตู้เสื้อผ้า ทำให้วิญญาณบริสุทธิ์เหล่านั้นหวาดผวาเล่นแก้เบื่อเป็นบางครั้งก็พอใจ
จะว่าไปเขาก็มีงานอดิเรกอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เพลิดเพลินใจจนไม่ต้องเอาเรื่องนั้นมารกสมอง ในช่วงหนึ่งของทุกวัน พิทช์จะเคลื่อนกายออกจากที่พำนักมาแฝงอยู่ในเงามืดของยามค่ำ จ้องมองท้องฟ้าที่มืดมิดลงเรื่อยๆอย่างรอคอย
ริ้วทรายสีระยับที่เคลื่อนคล้อยในบรรยากาศ แผ่อาณาเขตของแสงจนท้องฟ้าเจือไปด้วยสีทองสว่างราวจันทร์เพ็ญฉาย ท่ามกลางกลุ่มเมฆที่สร้างจากทรายสีทองปรากฏร่างเด็กหนุ่มที่ขยับมือพลิ้วไปมาอย่างเพลิดเพลิน
งดงาม ปราณีต และตรงเวลา แซนด์แมน บุรุษแห่งราตรีที่มาทำหน้าที่รังสรรความฝันอันสวยงามให้กับผู้อยู่ในห้วงนิทรา บุรุษแห่งความมืดลอบมองใบหน้ายิ้มแย้มนั้นอย่างเงียบๆ
น่าเสียดายแทนเหล่ามนุษย์นักที่ไม่ได้มองเห็น ความสวยงามของภาพฝันหลากหลายที่แซนด์ปั้นแต่งเสกสร้างตามความต้องการของแต่ละคน บนสายหมอกสีทองเส้นนั้นคือป่าใหญ่ ส่วนของเส้นนี้คือสายรุ้ง และเส้นนั้นคือสวนดอกไม้ที่แสนอ่อนหวาน
พิทช์มองตามริ้วทรายนับร้อยที่เคลื่อนย้ายไปตามการเคลื่อนไหวมือของแซนด์ ก่อนที่จะหยุดสายตาลงบนเส้นหมอกสายหนึ่ง
ทรายสีทองที่ก่อรูปเป็นสิ่งมีชีวิตอย่างละเอียดอ่อน ม้าตัวน้อยที่เหยาะย่างไปในอากาศอย่างเริงร่า ความงดงามที่ยวนตาทำให้พิทช์เผลอจับต้องมันอย่างไม่รู้ตัว
เพียงพริบตาความเรืองรองที่วูบหายทำให้เขาตกใจ ทรายสีดำที่แผ่ขยายเมื่อสัมผัสมือไปใกล้ทำให้เด็กหนุ่มตรงใจกลางกลุ่มทรายหันมามอง
"พิทช์?" เสียงกังวานที่เรียกขานทำให้เทพฝันร้ายชะงักระหว่างการเร้นกายเข้าสู่เงา ใบหน้าผ่องใสที่เคลื่อนเข้ามาหาทำให้พิทช์นิ่งค้างอยู่ตรงหน้าเส้นทรายที่เริ่มเป็นสีดำ
"ท่านจริงๆด้วย" เด็กหนุ่มยิ้มเผล่อย่างดีใจจนเขาสับสนเพราะคาดว่าคงโดนอีกฝ่ายตำหนิเรื่องทำให้ความฝันเสียหาย "ไม่ได้เจอกันเสียนาน" แซนด์กล่าวทักเสียงสดใส
"สามร้อยกว่าปีมันไม่นานสำหรับข้าหรอก เจ้าเด็กน้อย " เขากล่าวเสียดสีไปก่อนจะพยายามเดินหนี "ข้างานยุ่งไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้าหรอก"
"แล้วของที่ท่านเล่นค้างไว้จะให้ทำไง " เด็กหนุ่มโบกมือเรียกสายหมอกที่แปรสภาพเป็นสีดำสนิท พิทช์ที่ไม่รู้จะทำหน้าเช่นไรกล่าวมุบมิบ "ข้า.......ขอโทษ"
เทพฝันดีมองภาพนั้นก่อนยิ้มกว้าง"ความฝันข้าสร้างเป็นพิเศษตามแต่ละผู้ฝัน ดังนั้นทรายกลุ่มนี้จึงเป็นของท่านแล้ว พิทช์" แล้วยัดเยียดเส้นหมอกความฝันให้
พิทช์เพ่งมองทรายความฝันที่แปรสภาพไปเป็นสีดำมืดเต้นเร่าอยู่บนฝ่ามือ ลูกอาชาร่างผอมบางจ้องเขากลับด้วยดวงตาสีเหลืองจัดของมัน ลมหายใจที่พ่นออกมานั้นเป็นสายควันเขม่ามัว
"จริงสินะ ฝันน่าเกลียดเช่นนี้เจ้าคงไม่อยากเก็บไว้" เขากล่าวเสียงขัดเคือง แต่ทว่าเสียงสดใสของเด็กหนุ่มทำให้เขาเงยหน้ามามอง"ข้าว่ามันน่ารักเหมือนท่านออกจะตาย"
แซนด์กล่าวพร้อมยื่นนิ้วมาย้อหยอกม้าพยศในมือของพิทช์ แล้วหัวเราะขำขันเมื่อเจ้าม้าทำท่าจะงับเข้าที่ปลายนิ้ว
"เอาล่ะ คิดว่าได้เวลาที่ข้าต้องไปทำงานบ้าง บังเอิญว่าข้าไปนู่นมานี่ในพริบตาเดียวแบบท่านไม่ได้ซะด้วย" เทพความฝันโบกมือเรียกกลุ่มเมฆก่อนกล่าวลา "จนกว่าจะพบกันใหม่ ฝากดูแลเจ้าตัวแสบนั่นด้วยนะ พิทช์"
พิทช์ แบล็คมองแสงสีทองที่เคลื่อนผ่านไปจนลับสายตา แล้วหันมามองเจ้าสัตว์ร้ายในมืออย่างรักใคร่
"อืม....ฝันดีแรกของราชันย์แห่งฝันร้ายงั้นรึ......ข้าให้ชื่อเจ้าว่า ไนท์แมร์ ก็แล้วกัน"
.............................................
ฤดูกาลเปลี่ยนผันไปจนลูกม้าน้อยเติบใหญ่เป็นอาชาตัวงาม แม้เขาพยายามจะไม่ให้ไนท์แมร์สูดเอาความกลัวอันเป็นอาหารหลักของมันบ่อยเกินไปก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงของมันทำให้เขารำลึกถึงผู้มอบให้ขึ้นมาเล็กน้อย
เขามองดูลูกโลกเวลาที่บ่งบอกยุคสมัยภายนอกที่ตนไม่ได้ออกไปสำรวจมาเนิ่นนาน วันเวลาที่เคลื่อนมาในช่วงชีวิตนิรันดร์ของเขาผ่านไปอย่างเร็วรวดจนไม่อาจรู้เองว่าตอนนี้เวลาไหน ยิ่งช่วงนี้ที่โลกมนุษย์ช่างวุ่นวายด้วยสงครามยิ่งทำให้เขาไม่อยากขึ้นไปสัมผัส
คริสตศักราชที่ 1940? การนับปีที่มนุษย์เป็นผู้ตั้งบ่งบอกมาว่าผ่านมาแล้วหลายร้อยปี บางทีอาจเป็นเวลาที่เหมาะสมกับการออกไปยืดเส้นยืดสายข้างบนแก้เบื่อหน่ายบ้าง พิทช์แอบหวังในใจอีกอย่างว่าอาจได้พบกับเทพแห่งฝันก็เป็นได้
โลกเบื้องบนไม่ต่างไปจากที่เขาเคยพบมามากนัก ผิดกันที่ว่าความมีชีวิตชีวาอันวุ่นวายแปรเปลี่ยนเป็นเงาแห่งความตายที่ครอบคลุม ไนท์แมร์สูดดมกลิ่นความกลัวที่ลอยฟุ้งทุกหย่อมหญ้าอย่างอิ่มเอม
อา...............สงครามสินะ การเข่นฆ่า ทำลายล้าง ความสิ้นหวังและหวาดผวาที่แม้ไม่เอื้อมมือเขาเข้าไปหา เหล่ามนุษย์ผู้น่าสมเพชก็ต้องทรมานกับฝันร้าย
ฝันร้ายที่แม้แต่แซนด์แมนสักสิบสักร้อยตนก็ยังไม่อาจช่วยไล่เงามืดที่ครอบงำแน่นหนาด้วยแสงสีทองริบหรี่อันนั้นได้
ก่อนที่พิทช์จะหันหลังพาฝันร้ายคู่ใจกลับไปสู่อาณาจักรแสนสงบของตนอย่างเหงาหงอย ไนท์แมร์หยุดสูดลมหายใจเข้ารุนแรง แลัวทะยานพุ่งไปสู่ความมืดข้างหน้าจนพิทช์เกือบคว้าไว้ไม่ทัน
"ไนท์.....มีอะไร"
ราชันย์แห่งฝันร้ายลูบแผงคอสีดำของมันเพื่อให้คลายการพยศ แต่เจ้าม้าดิ้นรนจนหลุดจากการควบคุมของเขาได้ พิทช์ส่ายหน้าก่อนเคลื่อนกายตามมันไปอย่างเหนื่อยหน่าย
ไนท์แมร์หยุดเท้าของมันลงใต้ท้องฟ้าสีมืดหม่น แสงสีทองริบหรี่ที่สาดส่องบนฟากฟ้าทำให้พิทช์ใจเต้น ภาพเบื้องหลังของร่างที่ยืนบนกลุ่มเมฆทรายทำให้เขารู้ว่าเทพความฝันเปลี่ยนไปเป็นชายหนุ่มเต็มวัยแล้ว
เส้นหมอกบางส่องแสงเรืองทั่วท้องฟ้าขยายอาณาเขตกว้างใหญ่กว่าที่เคยเห็นมาเป็นไหนๆ เขายืนนิ่งอย่างตะลึงงันกับภาพเบื้องหน้า ก่อนจะเห็นความผิดปรกติเมื่อสายทรายแต่ละเส้นแสดงเพียงพร่ามัวของใบหน้ามนุษย์
เส้นนี้เป็นภาพประตูที่เปิดอ้ารับแสงสว่าง เส้นนั้นเป็นภาพกลุ่มคนที่น่าจะเป็นครอบครัวยิ้มกว้างยื่นมือมา อีกเส้นคือร่างของนางฟ้าปีกสีขาวที่อ้าวงแขนราวจะโอบกอดต้อนรับ
พิทช์เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มหมอกสว่างสไว แซนด์ทอดตามองเขาอย่างรำลึกได้ก่อนยิ้มบาง....รอยยิ้มที่โศกสลดอย่างที่พิทช์ไม่เคยพานพบ
เจ้าแห่งฝันร้ายเปิดปากเพื่อส่งเสียงเรียกบุรุษแห่งเม็ดทราย แต่ชายหนุ่มยกปลายนิ้วขึ้นมาไว้ที่ริมฝีปากอย่างเชื่องช้า เรียวปากยกยิ้มหม่นประดับบนใบหน้าเศร้าขยับช้าๆอย่างไร้สุ้มเสียง
อย่า-ส่ง-เสียง-พิทช์...................ปล่อย-ให้-พวกเขา-หลับใหล
ไนท์แมร์สูดลมหายใจรับความกลัวที่ส่งกลิ่นออกมาจากสิ่งก่อสร้างสูงใหญ่ที่ปิดทึบคล้ายป้อมปราการ พิทช์สัมผัสได้ถึงฝันร้ายที่แผ่พุ่งออกมาบอกความหมายให้เขารู้
ว่าเหล่ามนุษย์หลังกรงขังเหล่านี้จะได้หลับใหลในราตรีนี้เป็นคืนสุดท้าย...........ก่อนความตายจากการสังหารหมู่จะมาพรากจาก
ดวงตาสีทองสว่างรินหยดน้ำใสที่ซึมหายไปบนผิวพื้นทรายของใบหน้าแซนด์รวดเร็วจนพิทช์แทบมองไม่ทัน.....แต่ภาพตรงหน้านั้น คือแซนด์แมนกำลังร้องไห้
นี่-คือ-ครั้ง-สุดท้าย-ที่-เขา-จะ-ได้-ฝัน-ดี
เทพแห่งฝันจบประโยคช้าๆก่อนผันมือปลดปล่อยทรายรอบตัวออกไปทุกทิศทุกทาง....สายเส้นแสงที่พุ่งผ่านมากมายจนพิทช์คาดว่าอาจทำให้แซนด์เป็นอันตรายได้ เขาขยับกายจะเคลื่อนเข้าไปหา
เสียงทุ้มนุ่มที่บุรุษทรายเอ่ยปากเป็นคำพูดออกมาก่อนฝุ่นทรายสีทองจะจางหายไปในบรรยากาศ
"จนกว่าจะพบกันใหม่ พิทช์"
นั่นคือครั้งสุดท้ายที่เขาได้ยินเสียงของแซนเดอร์สัน แซนด์แมน
.............................................
นั่นคือก่อนที่เขาจะปล่อยให้ไนท์แมร์แตกตัวเพิ่มพูนด้วยการสูดเอาความกลัวทั้งหมดจากเบื้องบนเข้ามาอย่างหิวกระหาย
ก่อนที่เขาจะเผยแพร่ฝันร้ายที่โหดเหี้ยมสยดสยองที่สุดเท่าที่เคยเป็นมาเพื่อทำลายล้างค่ายเชลยนั้นลงจนราบคาบอย่างกราดเกรี้ยว
และคือก่อนหน้าที่เขาจะถูกขับไล่จากตำแหน่งภูติอารักษ์ ถูกขังไว้ในอาณาจักรโลกมืด ต้องหลบซ่อนตัวอยู่ในซอกหลีบเงาไปตลอดกาล
โดยไม่คิดว่าจะได้พบกับแซนเดอร์สัน.......แซนดี้ ที่เข้าร่วมกับกลุ่มผู้พิทักษ์กลุ่มใหม่ที่ต่อต้านการยึดครองสิทธิ์อันชอบธรรมของเขาคืนมาอีกครั้ง
คงเป็นเวลาที่เขาควรส่งมอบทรายความฝันที่แซนด์แมนฝากไว้คืนกลับไปแล้วสินะ........
พิทช์ แบล็ค บูกี้แมน ราชันย์แห่งฝันร้ายคิดพลางเอื้อมมือขึ้นขึงลูกศรสีดำที่ปลายของมันถูกเล็งไปที่แผ่นหลังของแซนเดอร์สัน แซนด์แมน บุรุษแห่งความฝัน
"หวังว่าเราจะไม่ต้องพบกันใหม่อีกครั้งนะ.......แซนด์"
///////////////////////////////////////////////////////////////
หรือควรจะชื่อเรื่องว่า "การเลี้ยงต้อยของบูกี้แมน" //ผิด
จริงๆในเนื้อเรื่องพิทช์นี่มีอายุยาวนานที่สุดเพราะเกิดมาคู่กับการมีอยู่ของมนุษย์เลยก็ว่าได้
แต่ตอนนี้ตกอับต้องไปอยู่ใต้เตียงกับในตู้เสื้อผ้าล่ะะะะะ//โอ๋ๆ
แปะแถมด้วยแฟนอาร์ต
และแถมด้วยสโลแกน............
ใครไม่ชิพ เราชิพพพพพพพพพพพพพพพ
วิ่งหนีไปยยยยยยย
//////////////////////////////////////////////////////////////
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น