หื่นฮาเฮSUPERFAMILY ตอน 4 มาแว้ววววววววววว♥
ดองเค็มมานานแถมตอนนี้ยังไม่มีNCให้อ่านซะอีก//แย่ส์
ไปอ่านตอนเก่าๆก่อนนะจ๊ะ
Mr.& Mrs.Stark : หื่นฮาเฮภาคครอบครัว?(Steve/Tony) ตอนต่อจากหื่นฮาปาจิงโกะ เมื่อทั้งสองคนเข้าสู่พิธีแต่งงานแล้วก็ครองคู่กันอย่างมีความสุขตลอด ไป......จบ
ซะที่ไหน การแต่งงานมันเป็นแค่การเริ่มต้น หุหุหุ คาดว่าน่าจะมี Superfamilyในภาคนี้ด้วย
Mr.& Mrs.Stark : Prologue
Mr. & MRS. Stark-1 : kiss the bride(?)
Side Story*ตอนพิเศษ : As your wish, Sir (or Daddy) (Jarvis/Jarvis/tony(?))
Mr. & MRS. Stark-2 : I Hate That Boys!
Mr. & MRS. Stark-3 : Average frequency
///////////////////////////////////////////////////////////////
Title : Mr. & MRS. Stark-4 : That was the plan
Rate : ตอนนี้ PG13 ใสมากกกก
Genre : Homour,กุ๊กกิ๊ก,รั่ว,มั่วนัก//ทรุด
Pairing: (Steve/Tony) ,Spideypool,Superfamily?
Vers: Avengers Movie vers.+Comic หน่อยๆ
//////////////////////////////////////////////
Rate : ตอนนี้ PG13 ใสมากกกก
Genre : Homour,กุ๊กกิ๊ก,รั่ว,มั่วนัก//ทรุด
Pairing: (Steve/Tony) ,Spideypool,Superfamily?
Vers: Avengers Movie vers.+Comic หน่อยๆ
//////////////////////////////////////////////
Mr. & MRS. Stark-4 : That was the plan
ว่ากันว่าแมงมุมสามารถสร้างเส้นใยออกมาได้ถึง7แบบเพื่อใช้ในวิตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไป ในข้อนี้แม้ว่าปีเตอร์จะสร้างได้ไม่มากมายขนาดนั้น(แหงล่ะ เขาเป็นคน ไม่ใช่แมงมุม) แต่ทว่าเขาก็ได้ขโมยความสามารถบางอย่างมาประยุกต์ใช้ในการป้องกันตัวได้บ้าง
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบิกโพลงขึ้นอย่างกระทันหันเมื่อเซนส์พิเศษอันละเอียดอ่อนลึกลับของแมงมุมสัมผัสได้ถึงแรงเคลื่อนไหวที่ปลายเส้นใยที่บางจนแทบมองไม่เห็น เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าศัตรูซุ่มตัวอยู่ในห้องบริเวณไม่ห่างจากเขาเกินสามเมตร
ใกล้เกินไป......การเคลื่อนตัวว่องไวและชำนาญที่หลบเลี่ยงกับดักที่เขาวางไว้มาเข้าใกล้ได้ขนาดนี้ก็มีแต่ไอ้บ้านั่นคนเดียวนั่นล่ะ ปีเตอร์กลอกตาก่อนคว้าดาบญี่ปุ่นข้างเตียงขึ้นมาถือไว้แล้วพูดเสียงเหนื่อยหน่าย
"เวด ถ้านายยังไม่เลิกย่องมาตอนชั้นหลับชั้นจะเอาดาบคาตานะนายโยนออกทางหน้าต่าง"
ร่างสูงในเสื้อชุดคลุมสีดำรุ่งริ่งก็ก้าวออกมาด้วยท่าทางกวนประสาท
"แหม จะกล้าทำกับกล่องดวงใจที่เดดพูลคนนี้ได้ให้ไว้แทนตัวได้ยังไงจ๊ะ สไปดี้ที่รัก"
เวด วิลสัน หรือเดดพูลที่สภาพยับเยินด้วยรอยไหม้และรูพรุนจากรีพัลเซอร์กล่าวน้ำเสียงยียวน
เสียงกระจกแตกดังเพล้งที่ดังขึ้นมาพร้อมวัตถุทรงยาวเรียวที่กระแทกผ่านบานหน้าต่างออกไปทำให้เวดต้องรีบกระโจนไปคว้าดาบญี่ปุ่นแสนรักที่โดนเขวี้ยงออกไปนอกตึกโดยลืมไปล่ะมั้งว่าตอนนี้เขาและปีเตอร์อยู่ที่ชั้นร้อยกว่า
โชคยังดีที่ปีเตอร์ยังมีความกรุณาด้วยการพันใยบางๆไว้ปลายดาบ ดึงตัวให้เขาไม่หล่นไปจากสตาร์คทาวเวอร์ แม้เวดจะไม่เจ็บไม่ตายแต่ว่าการหล่นจากตึกสูงๆแล้วต้องมาเดินหาชิ้นส่วนตัวเองให้ครบก็ไม่ใช่เรื่องน่าสนุกอยู่ดี
"แหม เล่นแรงนะเนี่ย" เด็กหนุ่มชุดดำเกาะใยแมงมุมไต่ขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ในระหว่างที่ใบหน้าใสยิ้มไร้เดียงสาก่อนกล่าวเสียงเหี้ยม
"คราวหลังก็อย่ามากวนการนอนของชั้นสิ แล้วอีกอย่างมิสเตอร์สตาร์คก็ไล่ตะเพิดนายจากที่นี่แล้วไม่ใช่เรอะ"
"แม้จะถูกขัดขวางแต่ด้วยความรักทำให้ข้าฝ่าดงมิสไซล์มาหาเจ้าจนได้ แมงมุมน้อยในหอคอยสตาร์ค" เวดกล่าวก่อนที่ใยจะโดนตัดขาด....ซึ่งก็โชคยังดีว่าเขาเกาะขอบหน้าต่างแล้วตึงตัวเข้ามาทันซะก่อน
"สรุปว่าถ้าจะมากวนการนอนอย่างเดียว เดี๋ยวชั้นก็ตะโกนเรียกคุณสตาร์คมาลากคอนายไปหรอก" ปีเตอร์ทำหน้าเซ็งใส่เด็กหนุ่มที่ถือวิสาสะเข้ามานั่งที่เตียงของเขา
"ตอนนี้ต่อให้ระเบิดลงตรงหน้า สองคนนั้นก็คงไม่สนใจหรอกมั้ง " เวดพูดเสียงกลั้วหัวเราะมีเลศนัยที่ฟังแล้วสยดสยองนั่นอีกแล้ว
ปีเตอร์กลอกตาอีกรอบ ถึงแม้ว่าจะแก้ปัญหาความเกลียดขี้หน้าของโทนี่ สตาร์ค ที่มีต่อตัวเองได้แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะอยากถูกแย่งกัปตันอเมริกาไปซะหน่อย
"ว่าแต่ว่าสองคนนี้ใครบนใครล่างอ่ะ นายรู้ละป่าว" ใบหน้าใต้หมวกคลุมนั้นยักคิ้วถามต่ออย่างยียวน
แม้ว่าปีเตอร์จะรู้อยู่เต็มหู(ไม่ได้อยากฟังหรอกนะ แต่สไปเดอร์เซนส์มันทำให้ได้ยิน)ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็ขี้เกียจบอกให้ไอ้เจ้าหื่นกามนี่ได้รับรู้ซักเท่าไหร่
อีกอย่าง.....ไอ้เสียงร้องแง้วๆของโทนี่ สตาร์คนั่นเขาว่าเก็บไว้เป็นไม้ตายส่วนตัวของเขาก่อนดีกว่า ปีเตอร์คิดว่าจะแกล้งให้โทนี่หัวปั่นเพื่อคลายความหงุดหงิดอย่างไรดี
"เฮ่ ปีเต้อออออออออ ถ้านายไม่บอกชั้นจะไปฟ้องคนอื่นนาว่านายใส่ความชั้นเรื่องกัปตันอเมริกา ไหนจะแผนปูทางเข้าสู่อเวนเจอร์นั่นอีกล่ะ" เวดกล่าวก่อนเดินมาเกาะไหล่ปีเตอร์ที่ยืนคิดอย่างใจลอย
เด็กหนุ่มยิ้มเหี้ยมก่อนยกเท้ายันร่างสูงจนหน้าหันก่อนขู่ "ถ้าอยากเสียใจที่ฆ่าไม่ตายก็ลองดู..." แต่ดูเหมือนเวดจะไม่ได้ใส่ใจ
"ว่าแต่ใกล้หมดเวลาที่ชีลด์เอาเรามาฝากเลี้ยงที่นี่แล้วนา ไอ้เจ้าตาเดียวนั่นก็ยังไม่ใจอ่อน ชั้นว่าเราไปถล่มเฮลิคาริเอร์เล่นกันอีกดีมั้ย?"
แค่นึกถึงหน้านิค ฟิวรี่ ผู้บัญชาการหน่วยชีลด์ อสูรตาเดียวผู้โหดเหี้ยมสยดสยองนั่นปีเตอร์ก็ถึงกับขนลุก เขาไม่ค่อยกลัวอะไรง่ายๆหลังจากโดนแมงมุมเจ้ากรรมนั่นทำให้เขากลายร่าง....อ่า กลายพันธ์เป็นมนุษย์แมงมุมที่ประสาทแข็ง แกร่งกล้า มุทะลุดุดันและกวนประสาท
ซึ่งดูจะขัดกับบุคลิกแสนดีใสซื่อของเขาก่อนหน้านั้นโดยสิ้นเชิง เขาที่เคยเป็นไอ้เด็กแว่นขี้แหยไม่สู้ใคร โดนไอ้เจ้าแฟลช ขาใหญ่ของโรงเรียนซ้อมเอาๆอย่างไม่มีทางสู้(แน่นอนว่าตอนนี้เขาเป็นฝ่ายตลบหลังแก้แค้นกลับบ้างแล้ว)
กลายมาเป็นเขาที่เวดให้คำจำกัดความว่า "แมงมุมซ่อนเขี้ยว" ซึ่งเขาก็ยังอยากเอาส้อมจิ้มตามันอยู่หน่อยๆเพราะเขาอุตส่าห์ทำตัวสงบเสงี่ยมเพื่อปิดบังตัวตนที่เป็นสไปเดอร์แมนแทบตาย ไอ้หมอนี่ดันเอามาโพล่งซะบ่อยๆ
ก็อย่างว่า.....การทำตัวน่ารักใสซื่อมันทำให้เขาสามารถตีสนิทล้วงความลับและทำการใดๆได้โดยสะดวก แต่ว่ามันดันใช้ไม่ได้กับตาเดียวของตาลุงฟิวรี่นั่นน่ะสิ
ไม่ใช่สิ แม้แต่ตาขวาของผบ.ชีลด์ที่ชื่อว่า ฟิล โคลสันก็ยังจับได้ทั้งๆที่เขาแกล้งโกงอายุและตัวจริงเพื่อขอสมัครเข้าทีมอเวนเจอร์แล้วเชียว....นั่นทำให้เขาโคตรจะเหม็นขี้หน้าฟิลอย่างยิ่ง ยังไม่นับเรื่องที่เอเจนต์แฟนบอยนั่นมาแย่งประมูลฟิกเกอร์วินเทจกัปตันอเมริกาไปจากเขาซะด้วย
ถ้าเขาจะได้เป็นหนึ่งในทีมอเวนเจอร์ เป้าหมายแรกที่ควรทำนอกจากทำตัวเรียบร้อยในสายตาฟิวรี่ขาโหดนั่นแล้ว การที่ว่าได้รับการยอมรับจากสองสมาชิกหลักๆของอเวนเจอร์ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ
แม้ฟิวรี่จะยืนยันเสียงแข็งว่าเขาอายุไม่ถึงและไม่มีคุณสมบัติจะเข้าร่วมแต่ถ้าหากว่าเขาเป็นเด็กเส้นของกัปตันอเมริกาและฮีโร่สปอนเซอร์หลักของอเวนเจอร์อย่างไอรอนแมนก็น่าจะทำให้เขาอาจมีโอกาสได้เป็นหนึ่งในนั้นขึ้นมาบ้าง.....ล่ะมั้ง
"เฮ้ ใจลอยไปไหนจ๊ะเบบี๋ย์" เวดว่าพร้อมขโมยหอมแก้มปีเตอร์ที่ยืนนิ่งคิดไม่รู้ตัวไปหนึ่งที
แล้วก็โดนดาบคาตานะของตัวเองฟาดใส่ซะหัวแทบแยก ดีที่ว่าเด็กหนุ่มผมสีเข้มลมออกหูจนไม่ทันได้ถอดปลอกดาบออกก่อนหั่นร่างเขาเป็นสองส่วน
"เจ็บแต่โคตรคุ้ม"
เสียงยียวนกวนส้นของเวด วิลสันดังลอยออกมาก่อนที่จะโดนยันออกมาจากห้องพร้อมเสียงปิดประตูดังปัง ตามด้วยเสียงสัญญาณเตือนดังลั่นของจาร์วิสที่โทนี่ตั้งเซนเซอร์ไว้เตือนการมาบุกของเดดพูลไว้เป็นพิเศษ
ร่างสูงในชุดฮู้ดยับเยินนั้นยักไหล่แล้วพุ่งตัวหนีจากไป ไม่ใช่ว่าเขากลัวไอรอนแมนหรืออะไรแต่ถ้าชุดเขาพังมากไปกว่านี้คงดูน่าอุจาดตาพิลึก
"งั้นลูกเขยหนีก่อนพ่อตาจะเอาลูกซองมาไล่ยิงนะจ๊ะที่รัก" เวดว่าก่อนส่งจูบให้คนในห้องแล้วโรยตัวออกทางหน้าต่างไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ปีเตอร์ทำหน้าโหดที่เปลี่ยนเป็นหน้าใสซื่อทันควันเมื่อกัปตันอเมริกาวิ่งกระหืดกระหอบมาที่หน้าห้อง
เด็กหนุ่มเปิดประตูต้อนรับสตีฟ โรเจอร์ที่มาเคาะประตูด้วยสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ร่างสูงใหญ่ที่โดนเกาะแข้งเกาะขามาด้วยตาลุงหน้าตาบอกบุญไม่รับที่จ้องเขาด้วยสายตาจิกกัด ปีเตอร์ยิ้มในใจก่อนจะกล่าวเสียงสั่นด้วยท่าทางน่าสงสาร "ค....คุณสตีฟ"
"ผมได้ยินสัญญาณดัง มีอะไรหรือเปล่าปีเตอร์"เขาถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
โทนี่ สตาร์คที่สวมเสื้อเชิ้ตตัวเดียวก็ยื่นหน้ามาแทรก "ก็แค่ไอ้เจ้าตายยากนั่นโผล่มาแค่นั้นล่ะ ชั้นว่าเรากลับไปต่อกันเหอะน่า สตีฟฟฟฟฟฟ" ร่างเล็กพยายามฉุดดึงอีกคนให้กลับไปห้อง
แมงมุมซ่อนเขี้ยวหน้าซื่อเลยขอกวนประสาทโทนี่แก้เซ็งด้วยการมองหน้ากัปตันอเมริกาด้วยดวงตาpuppy eye
"เวดเค้ากลับมาแล้วพยายามจะบุกเข้ามาในห้องน่ะครับ ผมกลัวว่าเขาจะเข้าไปรบกวนพวกคุณเลยขอร้องให้เขากลับไป" ปีเตอร์ทำหน้ายิ้มฝืน "แต่เขาก็พยายามจะบุกเข้ามา" แล้วทำตัวสั่น
แค่นี้คุณสตีฟผู้แสนดีก็เสนอตัวจะเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงกล่อมนอนท่ามกลางเสียงคัดค้านโวยวายของไอรอนแมน แค่นั้นก็ช่วยคลายความหงุดหงิดที่ไอ้เจ้าเวดนั้นทำไว้ไปบ้าง
"ไม่เป็นไรครับคุณสตีฟ ยังไงผมกับเขาก็เป็นเพื่อนร่วมทีมที่พยายามเข้าร่วมอเวนเจอร์ด้วยกัน" ปีเตอร์เน้นเสียงเบาๆแฝงความหมาย
กัปตันอเมริกาทำหน้าลำบากใจก่อนที่โทนี่จะโพล่งออกมา
"รอไปอีกซักห้าหกปีเถอะไอ้หนู อีกไม่นานฟิวรี่ก็จะเอานายไปดูแลเองแล้ว" เด็กหนุ่มซ่อนความขัดเคืองไว้ก่อนเอ่ยถาม "จริงหรือครับคุณสตีฟ"
"อือม์ เอเจนต์โคลสันเพิ่งแจ้งมาว่าจะลองให้ปีเตอร์กับเวดไปฝึกฝนเตรียมการ"ระยะยาว"เพื่อเตรียมเข้าสู่การเป็นอเวนเจอร์น่ะ" ไอ้คำว่าเตรียมการซ้อนกันสองรอบนั่นทำให้ปีเตอร์คิดว่ามันเป็นการยื้อระยะให้เขายิ่งห่างจากการร่วมทีมเข้าไปอีกหลายล้านปีแสง
ถึงเวลาที่เขาต้องคิดวางแผนการอีกแล้วสินะ ปีเตอร์ พาร์คเกอร์คิดด้วยใบหน้าใสซื่อเมื่อเชิญตัวคู่แต่งงานทั้งสองออกจากห้องไปสำเร็จ
......................................
หนึ่ง การจะเข้าเป็นสมาชิกอเวนเจอร์ได้ต้องอายุเกิน18 - เฟล
สอง ต้องได้รับการเชิญ(หรือสั่งการ)จากตาลุงนิคฟิวรี่..... เฟลซ้ำสอง
สาม ต้องเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่ได้รับการรับรองจากกัปตันอเมริกาและไอรอนแมนให้ว่าเป็นฮีโร่ที่สมควรแก่การรับเชิญเข้าทีมได้อย่างเป็นทางการที่ข้อนี้น่าจะพอเป็นไปได้ แต่ติดอยู่ที่ว่าท่าทางคุณสตีฟจะเห็นเขาเด็กเกินไปและโทนี่สตาร์คก็ดันเห็นว่าเขาเป็นแค่ก้างขวางคอ แย่ส์
และที่แน่ๆ ตอนนี้เขากำลังจะโดนจับไปขัง....อ่า อบรมฝึกฝนโดยองค์กรชีลด์แทนการที่เขาจะได้ฝึกสนุกๆกับกัปตันอเมริกาไอดอลฮีโร่ที่เขาชื่นชม แถมยังใกล้เวลาเปิดเทอมเข้าไปอีกซะด้วย
เขาลืมบอกไปหรือเปล่าว่าเขาเพิ่งเป็นเด็กอายุ14 ห่างจากอายุที่โกงชีลด์ไปตั้งสามปี....ช่างเถอะ ยังไงฟิวรี่ก็ไม่เชื่ออยู่แล้ว
ตอนนี้เขาเลยต้องมานั่งวางแผนกับพันธมิตรคู่แค้นเก่าของเขาอย่างไอ้เจ้าเวด วิลสัน เดดพูลอย่างเสียไม่ได้เพราะว่ามันเป็นผู้ร่วมอุดมการณ์แค่คนเดียวที่บ้าพอจะบุกชีลด์เพื่อขอเข้าร่วมอเวนเจอร์กับเขาโดยไม่กลัวฟิวรี่ได้.........และแน่นอนว่าครั้งนั้นปีเตอร์โยนความผิดทั้งหมดให้เวดเกลี้ยงอย่างเรียบร้อย
ซึ่งเจ้าหมอนี่ก็ดูจะไม่ใส่ใจในคดีที่เพิ่มพูนๆขึ้นของตัวเองซักเท่าไหร่ อย่างครั้งนี้ที่แม้จะโดนโทนี่ สตาร์ค ขู่ฆ่าแต่ก็ยังเสนอหน้ามาที่สตาร์คทาวเวอร์ได้ทุกวันจนถึงขั้นว่าโทนี่เบื่อที่จะเอาปืนไล่ยิงไปเองเพราะว่ายิงไปก็ไม่ตายและเสียดายของเปล่าๆ
เวดในเสื้อฮู้ดสีเทาแต่สวมหมวกโม่งแดงแปร๊ดที่เห็นแล้วแสบตาทำท่าจะดึงแว่นของเขาไปสวมเล่นด้วยท่าทางกวนประสาท แม้ว่าเป็นแว่นที่เขาแค่ใส่ไว้เฉยๆก็ไม่อยากให้เวดมายุ่งกับหน้าเขาซักเท่าไหร่ ปีเตอร์เลยใช้เท้ายันใส่โม่งสีแดงนั่นไปซะหนึ่งที
แต่ไอ้เจ้านั่นก็ยังทำท่ายิ้มให้ด้วยสีหน้ากวนส้น ที่ทำให้เขาคิดว่าบางทีวิลสันอาจจะเป็นมาโชนิดๆก็เป็นได้ (แต่เขาไม่ใช่ซาดิสต์ เสียใจด้วย)
"นายว่าชั้นจะเอาไงดี" ปีเตอร์ถามลอยๆเมื่อเดินถือแก้วกาแฟเดินไปที่หน้าต่าง
วันนี้ทั้งสตีฟและโทนี่ถูกเรียกกลับไปที่หน่วยชีลด์เพื่อฟังภารกิจบางอย่าง และเนื่องจากเขาพอจะแฮคระบบหลอกจาร์วิสได้บ้างเล็กน้อยเลยทำการลากตัวเดดพูลมาร่วมวางแผนด้วยซักหน่อย
"ก็รออีกสามสี่ปีให้นายอายุถึง18ก็ค่อยไปสมัครอีกทีก็ได้นี่หว่า" เวดกล่าวเสียงจริงจังอย่างผิดปกติ "นายไม่เห็นต้องรีบขนาดนั้น"
เด็กหนุ่มผมหยักศกหันไปจ้องมองด้วยแววตาเย็นชา "กว่าจะถึงตอนนั้นคดีความมันอาจจะหมดอายุไปแล้วก็ได้ ถ้าผ่านมาสามปีชั้นยังรู้เพียงแค่นี้" ปีเตอร์กอดอกทอดสายตามองไปไกลๆ
"อีกอย่างแค่คิดว่าต้องไปอยู่โรงเรียนประจำชีลด์ชั้นก็ขนลุกแล้ว" เขาหันมายิ้มฝืนๆให้เวดที่เดินเข้ามาข้างหลังเงียบๆด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออกภายใต้ผิวหมวกโม่ง
......................................
DEADPOOL POV
การที่รู้ทุกอย่างแต่บอกไม่ได้นี่น่าเซ็งชะมัดเลยเนาะคุณผู้อ่าน
ก็อย่างว่าปีเตอร์คนนี้ถูกพ่อแม่ทิ้งไปตั้งแต่ยังไม่ถึงห้าขวบแถมยังได้ข่าวว่าสองคนนั้นโดนแก๊งอาชญากรตามฆ่าไปแล้วซะอีก ไอ้เจ้าหมอนี่เลยพยายามอย่างเอาเป็นเอาตายที่จะหาข้อมูลของไอ้แก๊งนั้นมาให้ได้
แต่ด้วยความว่าเป็นแค่เด็กกำพร้าไร้ที่พิ่งแถมยังโดนแมงมุมบ้ากัดซะจนต้องกลายเป็นสไปเดอร์แมนเมื่อเร็วๆนี้ ปีเตอร์เลยอยากจะเข้าสู่ทีมอเวนเจอร์เพื่อยืมมือชีลด์มาลากหางตัวร้ายนั่นออกมาซะให้ได้....
ห๊ะ..............เรื่องนี้ชั้นรู้ตัวการหรอกนะว่าเป็นใครแต่ด้วยจริยธรรมของตัวละครทำให้ชั้นไม่ยอมบอกหรอกนะว่าตัวร้ายตัวนี้มันคือ.......อุ๊บ นี่มาปิดปากชั้นทำไมเนี่ยยัยคนเขียน
......................................
เวดคิดแล้วกลบเกลื่อนด้วยการโดดเกาะคอเด็กหนุ่มจนโดนซัดเปรี้ยงกลับมาอีกครั้ง ปีเตอร์ท่าทางจะกลับมาตั้งสติคิดวางแผนต่อได้แล้ว
ตอนนี้ที่เขาต้องการคืออำนาจในการสืบค้นหาข้อมูลแนวลับที่แค่กุกเกิ้ลช่วยเขาไม่ได้ เขาต้องการเข้าไปใช้องค์กรอย่างชีลด์ที่มีข้อมูลปกปิดที่คงจะตามหาตัวการร้ายทีทำลายครอบครัวเขาได้ไม่ยาก
ซึ่งหากเขายังไม่ได้เข้าไปอยู่ร่วมทีมในนั้นก็คงไม่อาจทำได้ ต้องสืบหาแบบงูๆปลาๆต่อตามประสาเด็กอายุสิบสี่สิบห้า
หรือไม่เขาก็ควรจะไปสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟน้ำในชีลด์ไม่ก็ไปเกาะแข้งเกาะขาขอร้องโคลสันแทนซะดีมั้ย ปีเตอร์คิดขำๆอย่างเศร้าใจ ที่เขาสิ้นทางขนาดที่ว่าต่อให้จะต้องไปนั่งคุกเข่าขอเป็นลูกศิษย์ฟิวรี่ก็ยังได้(แม้ว่าเขาจะโคตรเกลียดลุงตาเดียวนั่นก็ตาม)
เดี๋ยวสิ ขอเป็นลูกศิษย์......ขอเป็นลูก งั้นเหรอ..... ใบหน้าใสผุดยิ้มเบากับแผนทางด่วนที่ผุดขึ้นมาได้แบบปุบปับ แผนที่ปีเตอร์ผู้ถนัดนักกับการทำตัวน่ารักน่าเลี้ยงทำได้คนเดียวซะด้วย
......................................
ในขณะเดียวกันกับที่คู่รักคู่หูฮีโร่หลักของอเวนเจอร์ กัปตันอเมริกาและไอรอนแมนที่ถูกเรียกตัวมาชีลด์เพื่อรับฟังเรื่องการโอนตัวนักโทษ......อ่า นักเรียนในปกครองของสตีฟทั้งสองคนคือเวดวิลสัน เดดพูลและปีเตอร์ พาร์เกอร์ สไปเดอร์แมนที่ถูกนำไปฝากเลี้ยงไว้ที่สตาร์คทาวเวอร์กลับมาให้อยู่ในปกครองของหน่วยชีลด์
โทนี่ยิ้มแย้มจนหน้าบานเมื่อได้รู้ว่าเจ้าตัวก้างชิ้นใหญ่จะได้ออกไปจากการขวางฮันนีมูนย้อนหลังของเขาซะที แต่ก็ต้องกรอกตาเมื่อหันมาพบกัปตันทำหน้าขรึมเมื่อได้อ่านข้อมูลในไฟล์เพิ่มเติม
"ฟิวรี่ นี่หมายความว่าคุณจะเอาปีเตอร์และวิลสันไปเข้าคอร์สอบรมเจ้าหน้าที่ชีลด์ทั้งๆที่เขาสองคนเพิ่งอายุสิบสี่เนี่ยนะ" สตีฟถาม
"ปีเตอร์น่ะใช่แต่ว่า ไอ้เจ้าเวดน่ะน่าจะอายุเท่าๆคุณได้มั้ง" ฟิวรี่ขมวดคิ้วแล้วบอกด้วยเสียงขรึม "แล้วก็ชั้นไม่ได้บอกว่าทั้งสองคนจะได้เป็นจนท.ชีลด์ในเร็วๆนี้ซะหน่อย"
โทนี่อธิบายเสริมให้คุณปู่คนดีเข้าใจอย่างง่ายๆ
"มันก็เป็นแค่การจับตัวมีปัญหาเข้าโรงเรียนประจำระยะยาวนั่นล่ะ สตีฟ จบออกมาสองคนนั้นอาจต้องกลายเป็นเอเจนต์หุ่นยนต์แบบโคลสันก็ว่าได้" อัจฉริยะ เพลย์บอยมหาเศรษฐียักคิ้วให้เอเจนต์แฟนบอยที่มองมาด้วยตาเขียวปั้ด
"ต...แต่ ปีเตอร์ยังเป็นเด็กที่ควรจะได้รับการศึกษาแบบปกติธรรมดาตามที่เด็กชาวอเมริกันควรได้รับนะครับ" สตีฟว่า
"เฮ้ นายคงลืมไปว่า เด็กพวกนี้พากันมาถล่มชีลด์เล่นเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา แล้วยังเป็นสองคนในรายชื่อที่ชั้นต้องจับตามองอยู่นะกัปตัน" ฟิวรี่ขยิบตาข้างเดียวที่เหลือใส่ "แต่ถ้านายจะรับไปดูแลเองก็อีกเรื่อง"
โทนี่สะดุ้งเฮือกกับสายตาของสตีฟที่จ้องมองมาด้วยในใจคิดว่า อย่านะ อย่านะ อย่า ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ไม่ใช่ลูกแมวลูกหมาที่คุณปู่จะพาเข้าบ้านมาอย่างทุกทีอีกนะ ไม่ไม่ไม่ไม่
"โทนี่........ผมว่าเราควรจะให้ปีเตอร์อยู่กับเราอีกซักพักนะ" กัปตันอเมริกาอ้อนวอนด้วยแววตาลูกหมาตัวน้อย
ซึ่งโทนี่ได้แต่กรีดร้องในใจว่า โน้ววววววววววววววววววววว แล้วหันหน้าหนีแววตาระยิบระยับที่สตีฟทำให้เขายอมแพ้ซะทุกที
......................................
ยังไม่ทันถึงมื้อเย็นทั้งสองคนก็กลับมาด้วยการไม่มองหน้าของอีกฝ่าย ปีเตอร์มองหน้าเมินๆของโทนี่ทางซ้ายแล้วย้ายมามองหน้าเจื่อนๆของสตีฟทางขวา กัปตันอเมริกาที่สีหน้าเหมือนครูที่กำลังจะแจ้งให้เด็กรู้ว่าตนสอบตกก็ทำท่าอ้ำๆอึ้งๆก่อนเอ่ยปาก
"ปีเตอร์ คือว่าปลายสัปดาห์หน้านายอาจจะต้องไปอยู่ที่ชีลด์แทนแล้วนะ" คุณปู่กล่าวเสียงเบาอย่างลังเล
ปีเตอร์แกล้งทำแก้วในมือตกแตกดังเพล้งแล้วยิ้มฝืนๆให้ "ครับ ผมรับทราบแล้วครับ" เขาทำเสียงพร่าทรมาณใจพร้อมมองสตีฟด้วยแววตาหมองเศร้า ก้มลงเก็บเศษแก้วที่พื้นช้าๆเมื่อคุณกัปตันแสนดีพุ่งเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง
"ถึงผมจะมีความสุขมากๆที่ได้อยู่ที่นี่แต่ว่ามันก็ถึงเวลาที่ผมจะต้องออกไปแล้วใช่ไหมครับ" เด็กหนุ่มยิ้มเจื่อนๆก่อนเล่นบทเศร้าต่อ
"ขอบคุณคุณทั้งสองคนนะครับ ที่ทำให้เด็กกำพร้าอย่างผมได้มีที่ๆผมรู้สึกเหมือนเป็นบ้านซักครั้งหนึ่งในชีวิต ก่อนที่ผมจะต้องกลับไปที่ชีลด์อีกครั้ง" ร่างผอมบางแกล้งทำตัวสั่นไหวเมื่อนึกถึงการเข้าไปอยู่โรงเรียนประจำยี่ห้อชีลด์
"แต่ถ้าอย่างไรตอนสุดท้ายนี้ ผมขอเรียกคุณสตีฟว่าคุณพ่อเพื่อเป็นความทรงจำได้มั้ยครับ" ปีเตอร์เงยหน้าขึ้นด้วยดวงตากลมโตน้ำตาคลอที่ทำเอากัปตันถึงขั้นคริติคัลดาเมจ
สตีฟ โรเจอร์ทำสายตามุ่งมั่นกับการตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยว ก่อนพูดคำที่ทำให้ปีเตอร์ยิ้มร่าในใจและโทนี่อ้าปากเหวอ
"มาเป็นลูกบ้านนี้เถอะนะ......ไอ้ลูกชาย"
โทนี่ สตาร์คที่อยู่ดีๆก็กลายเป็นคุณแม่คุณพ่อได้แต่ยืนแข็งก่อนที่จะถูกสตีฟลากเข้าห้องไปเจรจาข้อตกลง
ไม่ไม่ไม่ไม่ เขาไม่อยากมีลูก ยิ่งลูกที่ไม่ใช่ลูกแมวลูกหมา ลูกที่เป็นไอ้เด็กบ้าอายุสิบสี่ที่ติดสามีเขาอย่างกับอึปลาทอง ไม่ไม่ไม่ม่ายยยยยยยย
.
.
.
.
.
.
แต่อย่างไรก็ตามวันต่อมาตอนบ่าย โทนี่ สตาร์ค ไอรอนแมน กับ สตีฟ โรเจอร์กัปตันอเมริกา ก็ได้จดทะเบียนรับลูกบุญธรรมชื่อว่า ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ และกลายมาเป็นหัวข้อฮอตที่สุดบนทุกสื่อข่าวสารจนได้
TBC.
///////////////////////////////////////////////////////////////
“That was the plan”//ทำหน้าแบบโลกิ
ตอนนี้มาด้วยความงงๆก่งก๊ง แบบว่าช่วงนี้จขบ.เขียนแบบฮาๆไม่เครียดไม่Angst ไม่ออกแฮะ//ทรุด
ปอลอ ทอล์คน้อยๆก่อนหนีหน้าหายหัวไปซักพักเพราะเรื่องชีวิตและเรื่องงานนะจ๊ะเบบี๋ย์ อะฮึกๆ
ปอลอ สอง พยายามจะเวด/ปีเตอร์ แต่ทำไมอ่านแล้วออกมาปีเตอร์/เวดฟระ!!!
อาห์ การได้เขียนฉากปีเตอร์ยันเดเระใส่เวดช่างสุขใจ//ผิดส์
///////////////////////////////////////////////////////////////
ฝากเพจSuperhusbands SteveXTony ตามเคย
ไปทำtumblr มาด้วย 555 เอาไว้สกรีมตีฟต๊ากต๊ากตีฟเฉพาะกิจ ว่างๆก็ไปฟอลโล่กันได้นะ เลิฟๆ
http://stonyxcapiron.tumblr.com/
ต่อเถอะค่ะ พลีสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
ตอบลบห๊ะ!!! ปีเตอร์แบบนี้ไมอ๊าวววว!! สงสารป๋าอย่างแรง 😂😂😂
ตอบลบ