คัมมอนเบบี๋ย์ ฟิคหื่นฮาเฮที่รอคอยมาแล้วววววววววว
ป๋า//ฟิคตอนนี้ชั้นต้องจับกดแคปให้ด้ายยยยยย//ผิด
ตอนอื่นๆในซีรีย์นะจ๊ะ
ตอนที่1: Tension:(Steve/Tony?) (Tony Part)
ตอนที่2:Round 1 (Steve/Tony) (Steve Part)
ตอนที่3:Tony hook(Steve/Tony) (Tony Part)
ตอนที่4: Captain Counter Back (Steve Part)
ตอนที่5: Tony Trap/Traped? (Tony Part)
ตอนที่6:Knock out?(Steve Part)
ตอนที่7: And the winner is.......(Tony Part)
ตอนที่7.5: summerสยองต้องหวิด(เสียจิ้น?)
ตอนที่8: Round 3 ? (Steve Part)
Rate : แล้วแต่จะคิด อรั๊ยยยยย
Genre : ฮาเฮ/หื่น?
Pairing: Steve/Tony
Vers: The Avengers/Iron Man/Captain America Movie vers.
ตอนที่9: Before the bell rings (TonyPart)
ปูพรมขาวเลยจ้ะเบบี๋ย์
ล้อเล่นนะ//โดนถรีบ
เข้าเรื่องจริงดีกว่า
///////////////////////////////////////////////////////////////
ว่ากันว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของการเป็นเพลย์บอยเจ้าสำราญก็คือ การต้องติดกับสาวคนใดคนหนึ่งในสต็อกจนต้องถึงขั้นต้องร่วมหอลงโรง แน่นอนว่าเพลย์บอยอัจฉริยะมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งอย่างผมก็ไม่เว้นที่จะกลัวการแต่งงาน ซึ่งแน่นอนล่ะ ไม่มีใครทำให้ผมตกหลุมได้ จะว่าไปที่ผ่านๆมาผมก็แทบจะฟาด....อ่า ได้ฟรีโดยไม่ต้องเสียอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้ ผม โทนี่ สตาร์ค ยอดมนุษย์ไอรอนแมน กำลังตกที่นั่งลำบาก เนื่องจากผมจะต้องเข้าพิธีกรรมน่าสยดสยองนั่นก่อนจะได้ฟั๊นฟันฟันกับเป้าหมาย
อันที่จริงผมคงไม่คิดมากถ้าเป็นการแต่งงานกับสาวสวยผมบลอนด์ขายาวหุ่นสะบึม บางทีอาจแต่งงานซักสามชั่วโมง หย่าแล้วเบี้ยวไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูกันไป(แน่นอนว่าทนายของสตาร์คอินดัสตรี้ทำได้สบายบรื๋อ)
ถ้าไม่ใช่ว่าเป้าหมายผมบลอนด์ตาสีฟ้าของผมดันเป็น สตีฟ โรเจอร์ คุณปู่กัปตันที่หัวโบราณที่สุดในอเมริกานี่สิ แถมยังเป็นฝ่ายผมที่ต้องเป็นฝ่ายยั่วยวน........เอิ่ม เชื้อเชิญ............... อ่า ช่างเถอะ ก่อนซะอีก
เอาเป็นว่าตอนนี้ผมกำลังคิดแผนให้คุณปู่สตีฟตกหลุมปล้ำผมก่อนแต่งให้ได้ อย่างอื่นค่อยว่ากัน
ก็อย่างที่บอกว่าการแต่งงานสำหรับเพลย์บอยอย่างผมนั่นมันเท่ากับจุดจบชีวิตเลยนะนั่น!!!
.
.
.
แต่ตอนนี้ ผม โทนี่ สตาร์ค ยอดมนุษย์ไอรอนแมน กำลังตกที่นั่งลำบาก เนื่องจากผมจะต้องเข้าพิธีกรรมน่าสยดสยองนั่นก่อนจะได้ฟั๊นฟันฟันกับเป้าหมาย
อันที่จริงผมคงไม่คิดมากถ้าเป็นการแต่งงานกับสาวสวยผมบลอนด์ขายาวหุ่นสะบึม บางทีอาจแต่งงานซักสามชั่วโมง หย่าแล้วเบี้ยวไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูกันไป(แน่นอนว่าทนายของสตาร์คอินดัสตรี้ทำได้สบายบรื๋อ)
ถ้าไม่ใช่ว่าเป้าหมายผมบลอนด์ตาสีฟ้าของผมดันเป็น สตีฟ โรเจอร์ คุณปู่กัปตันที่หัวโบราณที่สุดในอเมริกานี่สิ แถมยังเป็นฝ่ายผมที่ต้องเป็นฝ่ายยั่วยวน........เอิ่ม เชื้อเชิญ............... อ่า ช่างเถอะ ก่อนซะอีก
เอาเป็นว่าตอนนี้ผมกำลังคิดแผนให้คุณปู่สตีฟตกหลุมปล้ำผมก่อนแต่งให้ได้ อย่างอื่นค่อยว่ากัน
ก็อย่างที่บอกว่าการแต่งงานสำหรับเพลย์บอยอย่างผมนั่นมันเท่ากับจุดจบชีวิตเลยนะนั่น!!!
.
.
.
ผมมองจ้องเข้าไปในดวงตาสีฟ้าเข้มสดใสนั้น แล้วยิ้มยั่วยวน(หรือยียวน?)เล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสที่แผ่นอกหนากว้างนั้นอย่างแผ่วเบา.............
แต่ทำไมมันกลายเป็นมือผมทะลุแสงโฮโลแกรมสีฟ้าไปได้ล่ะนี่
เสียงนุ่มสำเนียงอังกฤษก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะผมว่า
"ยั่วยวนMark001ไปก็ไม่มีผลหรอกครับเจ้านาย อีกอย่าง ตอนนี้ Mark001 ยังเป็นระบบโฮโลแกรมอยู่ คุณต้องรอให้โปรเจ็คต์ Mark002 สำเร็จก่อนนะครับถึงจะสัมผัสได้"
"เงียบน่า จาร์วิส ชั้นรู้หรอกน่า แล้วเลิกพูดถึงเรื่องโปรเจ็คต์ Mark002 ด้วย เก็บไว้ในโฟลเดอร์ลับสุดยอดเลยไป๊" ผมทำหน้าบูดใส่สมองกลอัจฉริยะที่ท่าทางจะได้เชื้อสายผมไปเยอะอยู่ ก่อนจะเขี่ยกองชิ้นส่วนอีเล็กทรอนิส์บนโต๊ะด้วยความเบื่อหน่าย
วันนี้ผมว่างงาน(พูดจริงๆก็คือ ผมโดดแล้วโยนงานให้เปปเปอร์ทำแทน) เลยไม่รู้จะทำอะไรดี ช่วงนี้งานของชีลด์สำหรับผมก็ดูน้อยลงไปถนัดตา หลังจากที่ฟิวรี่รู้ว่าผมแอบใส่ระบบสอดแนมไว้ตอนที่ไปช่วยซ่อมศูนย์และเฮลิคาริเออร์//ก็ถือว่าเป็นค่าจ้างไง
ส่วนคุณปู่กัปตันอเมริกา หลังจากที่เก็บบ้านที่โดนตัวเองรื้อจนกระจุยกระจายแล้ว ก็งอนไม่ยอมรับสายโทรศัพท์ผมไปหลายวัน ผมอุตส่าห์บอกที่ซ่อนกล้องให้แล้วแท้ๆ(ถึงจะไม่ได้บอกหมดทุกตัวก็เถอะ)
ความว่างและความน่าเบื่อไม่ดีกับสมองของอัจฉริยะเพราะมันจะทำให้ฟุ้งซ่าน
ดูเอาจากตอนนี้ที่ผมกำลังคิดคำนวณสมการไบโอติก อัลกอริทึม และอะไรอีกล้านแปดยุ่งเหยิงในสมอง........หาอะไรทำดีกว่าแฮะ
และอะไรจะสนุกไปกว่าการแกล้งคนแก่
เด็กเปรตในร่างโทนี่ สตาร์คยิ้มมุมปากแล้วออกคำสั่งสมองกลด้วยความลิงโลด
"ต่อสายสตีฟ โรเจอร์ซิ จาร์วิส เปิดโหมดเปลี่ยนเสียงเป็นแบบคนป่วยระดับสามด้วยล่ะ" แล้วกระโดดลงไปนอนขดบนเตียงผ้าไหมหนานุ่ม
.
.
.
ก่อนที่ผมจะเคลิ้มหลับไประหว่างรอเหยื่อมาติดกับ จาร์วิสก็แจ้งผมว่า สตีฟ โรเจอร์ กัปตันอเมริกาคนเก่งได้มายืนกระหืดกระหอบอยู่หน้าสตาร์คทาวเวอร์ หลังจากที่บึ่งชอปเปอร์คู่ใจมาอย่างไวจนเกือบจะเสยประตูล็อบบี้ด้านล่าง
"เริ่มแผนได้ จาร์วิส ปล่อยเป้าหมายขึ้นมา"
ที่ผมสังเกตได้หลังจากการปฏิบัติการยั่วยวนหลายรอบก็พิสูจน์สมมุติฐานได้ว่า
คุณปู่คนนี้แอบหื่นแบบคลาสสิคแฮะ ดูสตีฟจะอ่อนไหวเป็นพิเศษกับผมในเวลาที่ผมนอนหลับ เมาน็อค หรือไม่สบาย อารมณ์เหมือนพวกพระเอกในหนังรักโรแมนซ์เก่าๆที่ชอบลักหลับ......เอ๊ย แสดงความรักลับหลังตอนนางเอกไม่รู้ตัวนั่นล่ะ
งั้นก็ได้เวลาเริ่ม Tony Stark's Trick ล่ะนะ
.
.
.
แต่ทำไมมันกลายเป็นมือผมทะลุแสงโฮโลแกรมสีฟ้าไปได้ล่ะนี่
เสียงนุ่มสำเนียงอังกฤษก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะผมว่า
"ยั่วยวนMark001ไปก็ไม่มีผลหรอกครับเจ้านาย อีกอย่าง ตอนนี้ Mark001 ยังเป็นระบบโฮโลแกรมอยู่ คุณต้องรอให้โปรเจ็คต์ Mark002 สำเร็จก่อนนะครับถึงจะสัมผัสได้"
"เงียบน่า จาร์วิส ชั้นรู้หรอกน่า แล้วเลิกพูดถึงเรื่องโปรเจ็คต์ Mark002 ด้วย เก็บไว้ในโฟลเดอร์ลับสุดยอดเลยไป๊" ผมทำหน้าบูดใส่สมองกลอัจฉริยะที่ท่าทางจะได้เชื้อสายผมไปเยอะอยู่ ก่อนจะเขี่ยกองชิ้นส่วนอีเล็กทรอนิส์บนโต๊ะด้วยความเบื่อหน่าย
วันนี้ผมว่างงาน(พูดจริงๆก็คือ ผมโดดแล้วโยนงานให้เปปเปอร์ทำแทน) เลยไม่รู้จะทำอะไรดี ช่วงนี้งานของชีลด์สำหรับผมก็ดูน้อยลงไปถนัดตา หลังจากที่ฟิวรี่รู้ว่าผมแอบใส่ระบบสอดแนมไว้ตอนที่ไปช่วยซ่อมศูนย์และเฮลิคาริเออร์//ก็ถือว่าเป็นค่าจ้างไง
ส่วนคุณปู่กัปตันอเมริกา หลังจากที่เก็บบ้านที่โดนตัวเองรื้อจนกระจุยกระจายแล้ว ก็งอนไม่ยอมรับสายโทรศัพท์ผมไปหลายวัน ผมอุตส่าห์บอกที่ซ่อนกล้องให้แล้วแท้ๆ(ถึงจะไม่ได้บอกหมดทุกตัวก็เถอะ)
ความว่างและความน่าเบื่อไม่ดีกับสมองของอัจฉริยะเพราะมันจะทำให้ฟุ้งซ่าน
ดูเอาจากตอนนี้ที่ผมกำลังคิดคำนวณสมการไบโอติก อัลกอริทึม และอะไรอีกล้านแปดยุ่งเหยิงในสมอง........หาอะไรทำดีกว่าแฮะ
และอะไรจะสนุกไปกว่าการแกล้งคนแก่
เด็กเปรตในร่างโทนี่ สตาร์คยิ้มมุมปากแล้วออกคำสั่งสมองกลด้วยความลิงโลด
"ต่อสายสตีฟ โรเจอร์ซิ จาร์วิส เปิดโหมดเปลี่ยนเสียงเป็นแบบคนป่วยระดับสามด้วยล่ะ" แล้วกระโดดลงไปนอนขดบนเตียงผ้าไหมหนานุ่ม
.
.
.
ก่อนที่ผมจะเคลิ้มหลับไประหว่างรอเหยื่อมาติดกับ จาร์วิสก็แจ้งผมว่า สตีฟ โรเจอร์ กัปตันอเมริกาคนเก่งได้มายืนกระหืดกระหอบอยู่หน้าสตาร์คทาวเวอร์ หลังจากที่บึ่งชอปเปอร์คู่ใจมาอย่างไวจนเกือบจะเสยประตูล็อบบี้ด้านล่าง
"เริ่มแผนได้ จาร์วิส ปล่อยเป้าหมายขึ้นมา"
ที่ผมสังเกตได้หลังจากการปฏิบัติการยั่วยวนหลายรอบก็พิสูจน์สมมุติฐานได้ว่า
คุณปู่คนนี้แอบหื่นแบบคลาสสิคแฮะ ดูสตีฟจะอ่อนไหวเป็นพิเศษกับผมในเวลาที่ผมนอนหลับ เมาน็อค หรือไม่สบาย อารมณ์เหมือนพวกพระเอกในหนังรักโรแมนซ์เก่าๆที่ชอบลักหลับ......เอ๊ย แสดงความรักลับหลังตอนนางเอกไม่รู้ตัวนั่นล่ะ
งั้นก็ได้เวลาเริ่ม Tony Stark's Trick ล่ะนะ
.
.
.
ร่างสูงกำยำที่ผมแอบอิจฉาในความสูงและปริมาณมัดกล้ามนิดหน่อย โผล่ออกมาจากประตูลิฟท์ส่วนตัวที่ชั้นพิเศษของสตาร์คทาวเวอร์ ใบหน้าคมเข้มนั้นดูตื่นเต้นตกใจ
แววตาสีฟ้ามองมาที่ร่างของผมที่ทำเป็นนอนขดตัวหนาวสั่นห่มผ้านวมอยู่อย่างเป็นห่วงเป็นใย ผมปรือตามองใบหน้าขมวดมุ่นของสตีฟด้วยแววตาอ่อนแรง......แต่ยั่วยวนสุดฤทธิ์
"ส.....สตีฟ"
แววตาสีฟ้ามองมาที่ร่างของผมที่ทำเป็นนอนขดตัวหนาวสั่นห่มผ้านวมอยู่อย่างเป็นห่วงเป็นใย ผมปรือตามองใบหน้าขมวดมุ่นของสตีฟด้วยแววตาอ่อนแรง......แต่ยั่วยวนสุดฤทธิ์
"ส.....สตีฟ"
ผมพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง พยายามยันร่างเปลือยเปล่า(โอเค ......หนาวสั่นแต่ร่างเปลือยเปล่า อาจเป็นบทที่ดูขัดๆกันนิดหน่อยแต่ว่าจำเป็นในทางปฏิบัติ?)ลุกขึ้นจากเตียง แกล้งทำเป็นลื่นพลาดเล็กน้อย แค่นั้นก็พอที่จะให้คุณปู่ใสซื่อพุ่งถลาเข้ามาหาผมแล้ว
"โทนี่! โทนี่...............คุณเป็นอะไร ผมได้รับสายคุณเมื่อครู่นี้ เสียงคุณแย่มาก.....แล้วอยู่ดีๆสายก็ตัด ผม....ผมเป็นห่วงเลยรีบมาหา"
"โทนี่! โทนี่...............คุณเป็นอะไร ผมได้รับสายคุณเมื่อครู่นี้ เสียงคุณแย่มาก.....แล้วอยู่ดีๆสายก็ตัด ผม....ผมเป็นห่วงเลยรีบมาหา"
สตีฟมองผมด้วยใบหน้าว้าวุ่นจนน่าสงสาร......นี่ผมแสดงดีเกินไปหรือคุณปู่วิตกจริตเกินไปล่ะนี่
แต่ผมก็ต้องทำตามแผนต่อ
"ชั้นไม่เป็นอะไร......ไม่ต้องเป็นห่วงน่าคุณปู่"
แต่ผมก็ต้องทำตามแผนต่อ
"ชั้นไม่เป็นอะไร......ไม่ต้องเป็นห่วงน่าคุณปู่"
ผมทำเสียงยั่วล้อแบบแหบแห้ง นั่นยิ่งทำให้สตีฟยิ่งทำหน้าเสียขึ้นเรื่อยๆ ผมเลยแกล้งทำตัวสั่นเพิ่มอีกนิดหน่อย
เขาโอบกอดผมราวกับจะให้ความอบอุ่น ร่างกายที่ร้อนรุ่มของเขาให้กลิ่นอายแดดบวกกับกลิ่นเสื้อหนังจางๆ ในสภาพนี้ที่ผมมีแค่กางเกงบอกเซอร์ตัวเดียวแล้วมันรู้สึกแปลกๆ............เหมือนจะตัวร้อนขึ้นทั้งๆที่ผมไม่ได้ป่วยจริงซะหน่อย
"โทนี่......ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาลนะ.....คุณต้องไม่เป็นไรนะ" ก่อนที่ผมจะทันอ้าปากบอกอะไร สตีฟก็อุ้มผมลอยจากเตียงเตรียมพุ่งออกจากประตูไปซะแล้ว
"ด............เดี๋ยว สตีฟ ชั้นไปหาหมอไม่ได้ ม.....มันเป็นโรคเฉพาะตัว ใครก็ช่วยชั้นไม่ได้" ผมคิดบทสดๆขึ้นมาแทบไม่ทัน ซึ่งก็ดูเหมือนคุณปู่จะหลงเชื่อเข้าเต็มเปา เขามองผมด้วยแววตาหมองเศร้า แล้วกอดผมแนบแน่นจนน่ากลัวว่าเขาจะรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นโครมครามของผม
เงียบไปช่วงระยะหนึ่งจนผมนึกว่าแผนแตกรึเปล่าหว่า........ก็รู้สึกถึงหยดน้ำที่ไหลหยดลงมาที่ไหล่ จนผมต้องเงยหน้าขึ้นมามอง
สตีฟ โรเจอร์ กัปตันอเมริกา ฮีโร่ยิ่งใหญ่เข้มแข็งคนนั้นกำลัง.............ร้องไห้???
แววตาสีฟ้าใสนั้นเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตามองมาที่ผมด้วยแววตาขมขื่น ราวกับว่ากำลังจะสูญเสียสิ่งสำคัญ ทำเอาผมรู้สึกเหมือนใจหล่นวูบ
"ผมต้องสูญเสียคนที่ผมรักไปอีกแล้วเหรอ............." เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ผมมองผู้ชายตัวโตที่ร้องไห้ราวกับเด็กเล็กๆตรงหน้าอย่างรู้สึกผิด เขาที่เคยสูญเสียคนรอบตัวไปจากการผ่านกาลเวลาอันยาวนาน ความตายคงไม่ใช่เรื่องล้อเล่น นี่ผมคงทำเกินไปสินะ................
แล้วก็..........คำว่า "คนที่ผมรัก".........................
มันทำให้ผมลืมแผนการณ์ที่วางไว้ซะสนิท
ผมเอื้อมมือไปเช็ดน้ำใสที่เปียกชุ่มขนตาสีบลอนด์ แล้วทาบริมฝีปากซับคราบน้ำตาที่ใบหน้าสตีฟอย่างบางเบา จากปลายคาง ไปที่ปลายจมูก และริมฝีปากโค้งมนได้รูปนั้นอย่างอ้อยอิ่ง
แววตาสีฟ้าใสนั้นฉายแววประหลาดใจขึ้นมาชั่วครู่ ก่อนจะโน้มตัวผมไปกอดกระชับแน่น ฝังจุมพิตดูดดื่มรุ่มร้อนให้หนาแน่นกว่าเดิม
ปลายลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดเก็บเกี่ยวรสหอมหวานจากกันและกัน ผมอ้าปากหอบหายใจแรงเพราะสัมผัสจากปลายนิ้วของสตีฟที่ลากไล่บนผิวเปลือยเปล่า ในขณะที่นิ้วมือของผมก็ปัดป่ายปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากตัวเขา
เรือนร่างเปล่าเปลือยของเรากอดเกี่ยวกัน ความร้อนที่ถ่ายทอดมาจากร่างใหญ่ของสตีฟทำให้ผมแทบละลาย หัวสมองมึนงง ร้อนรุ่มราวกับเป็นไข้
สตีฟมองใบหน้าแดงเรื่อของผมด้วยสีหน้าลังเลใจ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า
"โทนี่.......แต่คุณไม่สบาย............"
ผมที่สมองพร่าเบลอหลุดคำออกมาอย่างไม่รู้ตัวว่า
"ได้โปรดเถอะ สตีฟ........ชั้นไม่ได้ป่วย.............."
เขาโอบกอดผมราวกับจะให้ความอบอุ่น ร่างกายที่ร้อนรุ่มของเขาให้กลิ่นอายแดดบวกกับกลิ่นเสื้อหนังจางๆ ในสภาพนี้ที่ผมมีแค่กางเกงบอกเซอร์ตัวเดียวแล้วมันรู้สึกแปลกๆ............เหมือนจะตัวร้อนขึ้นทั้งๆที่ผมไม่ได้ป่วยจริงซะหน่อย
"โทนี่......ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาลนะ.....คุณต้องไม่เป็นไรนะ" ก่อนที่ผมจะทันอ้าปากบอกอะไร สตีฟก็อุ้มผมลอยจากเตียงเตรียมพุ่งออกจากประตูไปซะแล้ว
"ด............เดี๋ยว สตีฟ ชั้นไปหาหมอไม่ได้ ม.....มันเป็นโรคเฉพาะตัว ใครก็ช่วยชั้นไม่ได้" ผมคิดบทสดๆขึ้นมาแทบไม่ทัน ซึ่งก็ดูเหมือนคุณปู่จะหลงเชื่อเข้าเต็มเปา เขามองผมด้วยแววตาหมองเศร้า แล้วกอดผมแนบแน่นจนน่ากลัวว่าเขาจะรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นโครมครามของผม
เงียบไปช่วงระยะหนึ่งจนผมนึกว่าแผนแตกรึเปล่าหว่า........ก็รู้สึกถึงหยดน้ำที่ไหลหยดลงมาที่ไหล่ จนผมต้องเงยหน้าขึ้นมามอง
สตีฟ โรเจอร์ กัปตันอเมริกา ฮีโร่ยิ่งใหญ่เข้มแข็งคนนั้นกำลัง.............ร้องไห้???
แววตาสีฟ้าใสนั้นเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตามองมาที่ผมด้วยแววตาขมขื่น ราวกับว่ากำลังจะสูญเสียสิ่งสำคัญ ทำเอาผมรู้สึกเหมือนใจหล่นวูบ
"ผมต้องสูญเสียคนที่ผมรักไปอีกแล้วเหรอ............." เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ผมมองผู้ชายตัวโตที่ร้องไห้ราวกับเด็กเล็กๆตรงหน้าอย่างรู้สึกผิด เขาที่เคยสูญเสียคนรอบตัวไปจากการผ่านกาลเวลาอันยาวนาน ความตายคงไม่ใช่เรื่องล้อเล่น นี่ผมคงทำเกินไปสินะ................
แล้วก็..........คำว่า "คนที่ผมรัก".........................
มันทำให้ผมลืมแผนการณ์ที่วางไว้ซะสนิท
ผมเอื้อมมือไปเช็ดน้ำใสที่เปียกชุ่มขนตาสีบลอนด์ แล้วทาบริมฝีปากซับคราบน้ำตาที่ใบหน้าสตีฟอย่างบางเบา จากปลายคาง ไปที่ปลายจมูก และริมฝีปากโค้งมนได้รูปนั้นอย่างอ้อยอิ่ง
แววตาสีฟ้าใสนั้นฉายแววประหลาดใจขึ้นมาชั่วครู่ ก่อนจะโน้มตัวผมไปกอดกระชับแน่น ฝังจุมพิตดูดดื่มรุ่มร้อนให้หนาแน่นกว่าเดิม
ปลายลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดเก็บเกี่ยวรสหอมหวานจากกันและกัน ผมอ้าปากหอบหายใจแรงเพราะสัมผัสจากปลายนิ้วของสตีฟที่ลากไล่บนผิวเปลือยเปล่า ในขณะที่นิ้วมือของผมก็ปัดป่ายปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากตัวเขา
เรือนร่างเปล่าเปลือยของเรากอดเกี่ยวกัน ความร้อนที่ถ่ายทอดมาจากร่างใหญ่ของสตีฟทำให้ผมแทบละลาย หัวสมองมึนงง ร้อนรุ่มราวกับเป็นไข้
สตีฟมองใบหน้าแดงเรื่อของผมด้วยสีหน้าลังเลใจ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า
"โทนี่.......แต่คุณไม่สบาย............"
ผมที่สมองพร่าเบลอหลุดคำออกมาอย่างไม่รู้ตัวว่า
"ได้โปรดเถอะ สตีฟ........ชั้นไม่ได้ป่วย.............."
.
.
.
อุ๊บ
ซวยล่ะ
เขาชะงักชั่วครู่ ส่วนผมเอามือกุมหัวรอรับการเขกกระโหลกเหมือนที่เคยโดนมาบ่อยๆ แหม................ผมก็ต้องห่วงมันสมองอัจฉริยะของผมบ้างล่ะ
แต่นานเกินไปจนน่าสงสัย ผมเลยลดการ์ดลงแล้วมองหน้าสตีฟอย่างอึ้งๆ
สตีฟทำหน้าแบบที่บรรยายไม่ถูก เหมือนดีใจ หรือโกรธ โล่งใจ หรือจะอะไรก็ไม่ทราบได้ แววตาสีฟ้าที่มีน้ำตารื้นแวววาวจ้องมองที่ผม ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆพร้อมส่ายหัว
"คุณนี่มัน................เด็กเปรตจริงๆ" เขาพึมพำกับตัวเองแล้วโอบกอดผมไว้แน่นหนา
ผมที่รู้สึกผิดนิดหน่อย เลยแทนคำขอโทษด้วยการคร่อมตัวทับแล้วประทับจูบเร่าร้อนหวามไหวให้กับสตีฟแทน
เพราะผมสัมผัสได้ถึง"บางสิ่ง"อยู่ภายใต้เรียวขาเปลือยเปล่าของผม มันทำให้ผมต้องแสยะ.....อ่า ยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
"แล้วเอายังไงดีล่ะคุณปู่ แข็งแรง ขนาดนี้กันทั้งคู่แล้วจะหยุดได้เร้อ" ผมยิ้มยั่วยวนให้หนึ่งที
กัปตันอเมริกา ที่ตอนนี้หน้าแดงถึงหู พยายามทำหน้าดุใส่ แต่แน่นอนว่าตอนนี้มันไร้ผล เพราะเหมือนเขาจะตกหลุมผมเข้าเต็มเปาแล้ว ได้แต่พึมพำออกมาเสียงแหบพร่าว่า
"รับผิดชอบผมด้วยละกัน"
ก่อนที่เสียงหัวเราะขำขันของผมจะเปลี่ยนเป็นเสียงหอบหายใจแทน..............
.
.
.
ซวยล่ะ
เขาชะงักชั่วครู่ ส่วนผมเอามือกุมหัวรอรับการเขกกระโหลกเหมือนที่เคยโดนมาบ่อยๆ แหม................ผมก็ต้องห่วงมันสมองอัจฉริยะของผมบ้างล่ะ
แต่นานเกินไปจนน่าสงสัย ผมเลยลดการ์ดลงแล้วมองหน้าสตีฟอย่างอึ้งๆ
สตีฟทำหน้าแบบที่บรรยายไม่ถูก เหมือนดีใจ หรือโกรธ โล่งใจ หรือจะอะไรก็ไม่ทราบได้ แววตาสีฟ้าที่มีน้ำตารื้นแวววาวจ้องมองที่ผม ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆพร้อมส่ายหัว
"คุณนี่มัน................เด็กเปรตจริงๆ" เขาพึมพำกับตัวเองแล้วโอบกอดผมไว้แน่นหนา
ผมที่รู้สึกผิดนิดหน่อย เลยแทนคำขอโทษด้วยการคร่อมตัวทับแล้วประทับจูบเร่าร้อนหวามไหวให้กับสตีฟแทน
เพราะผมสัมผัสได้ถึง"บางสิ่ง"อยู่ภายใต้เรียวขาเปลือยเปล่าของผม มันทำให้ผมต้องแสยะ.....อ่า ยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
"แล้วเอายังไงดีล่ะคุณปู่ แข็งแรง ขนาดนี้กันทั้งคู่แล้วจะหยุดได้เร้อ" ผมยิ้มยั่วยวนให้หนึ่งที
กัปตันอเมริกา ที่ตอนนี้หน้าแดงถึงหู พยายามทำหน้าดุใส่ แต่แน่นอนว่าตอนนี้มันไร้ผล เพราะเหมือนเขาจะตกหลุมผมเข้าเต็มเปาแล้ว ได้แต่พึมพำออกมาเสียงแหบพร่าว่า
"รับผิดชอบผมด้วยละกัน"
ก่อนที่เสียงหัวเราะขำขันของผมจะเปลี่ยนเป็นเสียงหอบหายใจแทน..............
.
.
.
เอาเป็นว่าในยกแรกผมเป็นฝ่ายชนะ
ในที่สุดผมก็ได้ทำให้สตีฟ โรเจอร์ สูญเสียพรรมจรรย์(ก่อนแต่งงาน)เป็นผลสำเร็จ
ถ้าไม่นับยกอื่นๆที่ผม...........อ่า..............รู้สึกตัวอีกทีในตอนบ่ายอีกวันหนึ่งพร้อมแหวนทองคำขาวเกลี้ยงๆบนนิ้วนางข้างซ้าย
และไม่รวมกับที่สตีฟ โรเจอร์พยายามจะลากผมไปที่โบสถ์เพื่อทำพิธี แต่ไม่สำเร็จ.........เพราะผมลุกไม่ไหว......หลังจากที่ไม่ได้นอนทั้งคืน
ก็ถือว่าผมชนะล่ะมั้ง
แต่ที่แน่ๆ ชีวิตโสดเพลย์บอยของผมกำลังจะจบสิ้น เพราะคุณปู่กัปตันอเมริกาทำท่าจะจับผมเข้าพิธีแต่งงานให้ได้ เนื่องจากเขาบอกว่าผมจะรับผิดชอบเขา(?)
โน้วววววววววววววววววววววววว
ในที่สุดผมก็ได้ทำให้สตีฟ โรเจอร์ สูญเสียพรรมจรรย์(ก่อนแต่งงาน)เป็นผลสำเร็จ
ถ้าไม่นับยกอื่นๆที่ผม...........อ่า..............รู้สึกตัวอีกทีในตอนบ่ายอีกวันหนึ่งพร้อมแหวนทองคำขาวเกลี้ยงๆบนนิ้วนางข้างซ้าย
และไม่รวมกับที่สตีฟ โรเจอร์พยายามจะลากผมไปที่โบสถ์เพื่อทำพิธี แต่ไม่สำเร็จ.........เพราะผมลุกไม่ไหว......หลังจากที่ไม่ได้นอนทั้งคืน
ก็ถือว่าผมชนะล่ะมั้ง
แต่ที่แน่ๆ ชีวิตโสดเพลย์บอยของผมกำลังจะจบสิ้น เพราะคุณปู่กัปตันอเมริกาทำท่าจะจับผมเข้าพิธีแต่งงานให้ได้ เนื่องจากเขาบอกว่าผมจะรับผิดชอบเขา(?)
โน้วววววววววววววววววววววววว
END?
///////////////////////////////////////////////////////////////
ตอนนี้ยาวมวากกกกกกกกกกกกกกก
ขอสกรีม
แคปเสียจิ้นแล้วววววววววววววววววววววววววววววว
ผ่านมา9ตอนป๋าเพิ่งทำสำเร็จ ฮานัก 5555
ปอลอ ว่าจะแปะแฟนอาร์ต แต่เอนทรียาวเกิน เอาไว้คราวหน้าละกันนน
ปอลอ 2 ซุ่มเขียนฟิกดราม่าสี่เส้า เอาไว้คานอำนาจหื่นฮาเฮ 555
ปอลอ 3 มีเบบี๋ย์คนไหนอยากอ่านหื่นฮาเฮภาคสามีภรรยา Superhusbands(และลูกชาย)มั้ยยยยยย//ยังคิดจะเขียนต่ออีกเรอะ!!!
///////////////////////////////////////////////////////////////
ฝากเพจSuperhusbands SteveXTony ตามเคย
ไปทำtumblr มาด้วย 555 เอาไว้สกรีมตีฟต๊ากต๊ากตีฟเฉพาะกิจ ว่างๆก็ไปฟอลโล่กันได้นะ เลิฟๆ
http://stonyxcapiron.tumblr.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น