คืบคลานมาแปะฟิกตอนสุดท้ายของซีรีย์นี้แว้วววว
พาร์ทนี้เน้นหนักน้องพี่ล้วนๆ รับชมกันได้เลยจ้ะเบบี๋ย์ ♥
ป๋า//มันกะจบAngstให้สะใจความซาดิสต์ของจขบ.อีกแล้วเรอะะะะ
ดราม่าสี่เศร้าเคล้าน้ำตา(?) สี่คู่ Tony/Loki,Tony/Steve,Thor/Loki,Thor/Steve
ตอนเก่าๆจ้ะ
Tangled Loops : Prologue
Tangled Loops : 1 : Lust
Tangled Loops : 2 : Love?
Tangled Loops : 3 : LOST
Tangled Loops : 4 : Lodged#1
///////////////////////////////////////////////////////////////
Title :Tangled Loops-4 : Lodged #2-LAST
Rate : NC17
Genre : Drama/Romance/sad
Pairing: Tony/Loki,Tony/Steve,Thor/Loki,Thor/
Rate : NC17
Genre : Drama/Romance/sad
Pairing: Tony/Loki,Tony/Steve,Thor/Loki,Thor/
Vers: Avengers Movie vers.+Comic หน่อยๆ
///////////////////////////////////////
Last Lodged
บางครั้งด้ายที่พันกันเกินไปจนแกะไม่ออก หนทางสุดท้ายที่เหลือคงมีเพียงตัดมันทิ้งเพียงเท่านั้น
ภายในความมืดดำของบรรยากาศรอบตัว เสียงดังประทุของระเบิด เสียงกระสุนบาดผ่านอากาศ และเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นหวิวแว่วจากทิศทางใดก็ไม่อาจทราบได้ รู้เพียงว่าเสียงเหล่านั้นวนเวียนรอบตัวเขา เหมือนกับคลื่นน้ำที่หมุนพันรอบตัว ฉุดเขาให้จมลงไปใต้ผืนน้ำแข็งเยียบเย็น
สมองรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่หนักหนา...........กดทับไว้จบเจ็บปวด อะไรบางอย่างที่คล้ายกับความเสียใจ สูญเสีย อะไรบางอย่างที่เขาอยากจะลืม.........แต่ก็จำไม่ได้ว่ามันคืออะไร เขาได้เพียงหยุดนิ่ง หลับตา และดำดิ่งลงไป..................
จริงอยู่ที่ว่าบางครั้งในห้วงความมืดมิดนี้จะมีแสงส่องลอดเข้ามา เหมือนจะดึงเขาให้ไปที่ไหนซักแห่งที่อบอุ่นและสว่างไสว แต่มันกลับทำให้เขากลัว
มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาไม่อยากไปจากที่นี่..........เหมือนกับว่าหากลืมตาขึ้นเขาจะเจอกับความเจ็บปวดที่หนักหนายิ่งกว่านี้...............
แม้จะมีเสียงอ่อนโยนร้องเรียกเขาอย่างแผ่วเบามาจากทางปลายทางแสงนั้นก็ตาม
"สตีฟ.................ได้โปรด................ตื่นขึ้นมาเถอะ"
ก่อนที่เขาจะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แล่นผ่านริมฝีปากและแผ่ล้อมไปรอบกาย ความอบอุ่นที่คุ้นเคย.....ที่เขาโหยหา..................
แต่ก็เป็นความอบอุ่นแสนเศร้าบาดลึกเข้าไปในอก อึดอัดและขมขื่น.................ความอบอุ่นที่เขาอยากลืม
....................................
"เจ้าพูดอะไรออกมา โลกิ"
เสียงของธอร์ โอดินซันปกติหนักแน่นและกร้าวแกร่ง ครานี้กลับแฝงไปด้วยความหวั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด แววตาสีฟ้าวูบไหวจ้องมองชายร่างสูงบางตรงหน้าอย่างไม่วางตา เมื่อเจ้าของดวงตาสีเขียวนั้นถอนริมฝีปากบางนุ่มของตนออกไป
"ข้ารู้ทุกอย่าง.......พี่ชายข้า"
โลกิ ลอฟฟีย์ซัน เลียริมฝีปากเปียกชุ่มจากจูบร้อนรุ่มเมื่อครู่ด้วยแววตาวาววาม เมื่อได้เห็นเปลวเพลิงปรารถนาในดวงตาสีฟ้านั่น เปลวเพลิงที่ธอร์พยายามดับมันแต่โลกิอยากเติมเชื้อให้ลุกไหม้
"โกหก ข้าไม่ได้คิดกับเจ้าเช่นนั้น"
เทพสายฟ้าขึ้นเสียงดังเพื่อปิดซ่อนความหวั่นไหว บังคับตัวเองให้ละสายตาจากใบหน้าของผู้เป็นน้องชาย
"แล้วกับมนุษย์ผมทองนั้นท่านคิดว่าคือความรักหรือ?" เสียงหวานร่ายคำยั่วเย้าต่อ
"หุบปาก โลกิ" ธอร์กล่าวเสียงสั่น เขาไม่อยากรู้ว่าความรู้สึกที่ไม่แน่ใจว่าคือสิ่งใด ที่เขาใช้รั้งกายสตีฟมาเป็นของตน ฉุดดึงสหายรักเข้าสู่วังวนความแค้นของเขากับโลกิ และทำให้กัปตันอเมริกาต้องหลับไหลไม่รู้วันตื่น
เขาไม่อยากแน่ใจว่ามันไม่ใช่ความรัก.............และเป็นเพียงการกลบซ่อนสิ่งที่เขามีต่อน้องชายคนนี้เท่านั้น
"ความอ่อนโยนจอมปลอมที่ท่านมอบให้พ่อเทวดานั่นเพื่อปิดบังสิ่งที่มีต่อข้า..............ข้าเห็นมัน ธอร์"
"ข้าเห็นมันในตัวท่าน เปลวไฟในดวงตาที่ท่านบอกตัวเองว่ามันคือความเคียดแค้น แต่สำหรับข้ามันคือความปรารถนาที่จะกลืนกิน................ท่านต้องการข้า.........พี่ชาย"
"ข้าบอกให้หุบปาก โลกิ" เทพสายฟ้าระเบิดเสียงด้วยความกราดเกรี้ยว สายฟ้าที่เรียกมาอย่างไม่รู้ตัวด้วยแรงแค้นแล่นแปลบปลาบพุ่งผ่านอุปกรณ์จักรกลในห้องจนเสียหายไม่มีดี
ใช่.................เจ้าพูดถูกทุกอย่าง ความรู้สึกที่ข้าพยายามปิดซ่อนจากตนเอง ข้าหลงรักน้องชายตนเอง หลงรักตัวอันตรายของเก้าโลก และหลงรักศัตรูตัวร้ายที่ทำลายสิ่งสำคัญในชีวิตข้าจนย่อยยับ
ปรารถนาจะครอบครองจนหน้ามืด ตามไล่ล่าหาอย่างบ้าคลั่งหลังจากต้องจากไป โดยซ่อนมันไว้ด่วยความรู้สึกที่เรียกว่า "ความเคียดแค้น"
ก่อนที่ห้วงความคิดจะถูกกั้นขวาง ด้วยสัมผัสได้ถึงผิวกายเย็นเยียบของชายผมดำเบื้องหน้า ที่ตอนนี้กำลังใช้มือและขาเรียวบางกอดเกี่ยวร่างใหญ่เอาไว้
เครื่องจักรกลที่เคยพันธนาการโลกิ เมื่อโดนกระแสสายฟ้าพุ่งผ่านวงจรภายในก็ไม่ต่างจากเศษเหล็กไร้ราคา ที่เทพมุสาจะทำลายและปลดออกได้โดยรวดเร็ว
"ท่านหลงกลข้าอีกแล้วนะ......ท่านพี่" ริมฝีปากบางแตะที่ปลายคางหนาอย่างบางเบา นิ้วเรียวขาวลูบไล้แผงอกกว้างราวยั่วหยอก
ดวงตาสีฟ้าสบมองดวงตาสีเขียวตรงหน้า ที่ฉายแววเปลวเพลิงความปรารถนาออกมาอย่างปิดไม่มิด และสังเกตเห็นว่าเปลวเพลิงสีเขียวนั่นก็ลุกโชนไม่แพ้กัน
"ใช่............ข้าหลงกลเจ้า..............อีกครั้ง...........และทุกครั้ง"
ธอร์กล่าวรอดไรฟันยอมรับความจริงอย่างพ่ายแพ้ ก่อนจะโน้มตัวบดเบียดริมฝีปากรุนแรงแก่ร่างบางเบื้องหน้า
ริมฝีปากบางนุ่มเผยอตอบเสียงครือคราอย่างพอใจ ก่อนไล้ลิ้นไล่พัวพันอย่างโหยหาและเร่าร้อน รสจูบเยียบเย็นจากโลกิคล้ายเป็นยาพิษแสนหวานที่แทรกซึมและทำให้คลุ้มคลั่ง
ความร้อนรุมจากโทสะและความเคียดแค้นที่เทพสายฟ้ามีพลันวูบหาย เหลือเพียงแค่เปลวไฟปรารถนากลืนกินร่างเบื้องหน้าที่ลุกโชน
มือใหญ่หนาฉีกดึงอาภรณ์สีเข้มจากร่างบางราวไม่อาจทนรอ โลกิ ลอฟเฟย์ซันยิ้มยั่วพราวก่อนจะฉุดกระชากร่างใหญ่เข้าหาอย่างเร่งร้อน
เปลวเพลิงที่ร้อนจัดและเย็นเฉียบ เผาผลาญร่างสองร่างเปล่าเปลือยที่กอดรัดกันแน่น กามารมณ์ที่พุ่งพล่านอัดแน่นราวจะระเบิดออกมา นิ้วเรียวบางขยับเข้าเกาะกุมเรื่อยช้าก่อนสัมผัสเร่งเร้า
ธอร์กัดฟันกลั้นหายใจ เมื่อเรือนร่างขาวนวลคร่อมกายลงครอบครอง รุนแรง เร่าร้อนด้วยขยับเคลื่อนไหว แววตาสีเขียวส่องประกายร้อนแรงหรี่พร่าด้วยความรัญจวน
ห้วงความคิดที่ลุกใหม้ด้วยเปลวเพลิงสีฟ้าเขียวเอ่ยถามความรู้สึกที่เขาอยากรู้เพื่อให้แน่ใจ
"เจ้ารักข้าหรือเปล่า"
ใบหน้าขาวผ่องงดงามมัวหม่นด้วยเพลิงกามาแววตาวูบไหว แล้วแย้มริมฝีปากบางนุ่มนั้นยิ้มยั่ว
"ข้าเกลียดท่าน ธอร์"
เสียงนุ่มหวานร่ายคำลวง บดเบียดสะโพกเข้าเสียดสีแทนคำตอบที่จริงแท้
"ถ้าข้าบอกรักเจ้าและบอกให้เจ้าไม่หนีไป เจ้าจะทำมั้ย"
เทพสายฟ้ากล่าวเสียงแหบพร่าด้วยความรุ่มร้อนภายใน
"เช่นเดียวกับที่ว่า ถ้าข้าบอกรักท่าน แล้วท่านจะเชื่อหรือ"
เทพมุสากล่าวกลับด้วยลมหายใจหอบกระสันไม่ต่างกัน
เสียงหายใจหอบกระชั้นที่สอดประสานเสียงกระทบกาย โลกิ ลอฟเฟย์ซันคำนึงในใจด้วยห้วงความคิดที่พร่ามัว
ข้าคือเทพมุสา ธอร์..............ข้ามิเคยพูดความจริงในใจข้า
ว่าข้ารักท่าน.................อาจจะมากกว่าที่ท่านรักข้า
แต่ความรักของข้ามิใช่สิ่งที่ท่านจะเข้าใจได้ เช่นเดียวกันกับตัวข้า
ปลายเล็บเรียวกรีดจิกแผ่นหลังหนาแกร่งด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ปลุกปั่นให้ความร้อนร่านเบื้องล่างถึงขีดสุด
ท่านเป็นของข้า ธอร์ จงจดจำข้าไว้ในใจราวรอยแผลที่กรีดบาดลึกไร้ทางหาย ทุกอนูร่างกายและจิตใจเป็นของข้า นึกถึงแต่ข้า เสียงของข้า ใบหน้าของข้า เรือนร่างของข้า ท่านจะถูกล่ามโซ่ไว้โดยข้า และจะไม่มีวันได้รับอิสระตลอดกาล
นั่นคือความรักที่ข้าต้องการจากท่าน ธอร์ โอดีนซัน หากไม่ได้ทุกสิ่งข้าก็ไม่ต้องการทุกอย่าง
หากไม่ได้ความรักของท่าน ข้าก็ต้องทรมานให้ท่านเคียดแค้นจนหมดหัวใจ
ก่อนที่เปลวเพลิงเผาผลาญอารมณ์ที่พวยพล่านจะสงบลง............ร่างกายใหญ่กอดรัดร่างบางไว้แนบแน่นจนสัมผัสได้ทุกจังหวะเต้นของหัวใจ
"ข้ารักเจ้า..........โลกิ" ธอร์กล่าวอย่างไร้ซึ่งการขัดขืนใจตน ด้วยเสียงทุ้มต่ำแน่วแน่
หัวใจด้านชาของโลกิวูบไหว..........ที่อกอบอุ่นจนเจ็บปวดราวกับจะร่ำไห้...........แต่เทพมุสาก็มิได้แสดงปฏิกิริยาใดออกมา
"ข้าจะขอให้ท่านพ่ออภัยโทษให้เจ้า.......กลับแอสการ์ดกันเถิด กลับบ้านเรา" เทพสายฟ้ากล่าวเสียงเบาก่อนจะหรุบตาลงซบไหล่ร่างบางแล้วหลับไหล
ชายร่างบางแย้มยิ้มให้กับร่างใหญ่ที่กอดก่ายด้วยรอยยิ้มจริงใจอย่างที่ไม่เคยเป็น ก่อนจะสะดุ้งจนตัวเกร็งจากความปวดแปลบในสมอง
"หากเจ้าพ่าย จะไม่มีแดนใด ดาวดวงไหน หรือซอกหลืบใดให้เจ้าได้หลบซ่อน และความร้าวรานที่เจ้ารู้จักจะเปลี่ยนเป็นความหอมหวานเมื่อเทียบกับโทษที่เจ้าจะได้เจอ"
ความรักที่ต้องการมาตลอดได้มาอยู่ในมือแล้ว แต่ใยความมืดดำในจิตใจยังคงอยู่...........
โลกิ ลอฟฟีย์ซัน หัวเราะเบาบางให้กับตัวเองด้วยสมองที่ปวดร้าว
ไม่ใช่เพียงท่านที่ถูกข้าล่ามโซ่ไว้.............ข้าก็ถูกพันธนาการไว้โดยบางสิ่งเช่นกัน
.........................
เช้าตรู่ที่อากาศสดใส ท้องฟ้าใต้นครนิวยอร์คปลอดโปร่งโล่งสว่าง วันนี้ดวงดาวสีฟ้าชื่อว่าโลกก็ได้เวลาที่ต้องลาจากพี่น้องชาวแอสการ์ดสองคนที่จะกลับสู่ถิ่นพำนักเดิมของตนเอง
จุดเริ่มเดินทางคือที่เดิมกับในตอนแรก สวนสาธารณะที่ในครานี้มีเพียงเจ้าหน้าที่ไม่กี่คนที่คอยมาคุมความปลอดภัยและป้องกันการลอบสังหารนักโทษต่างมิติอย่างโลกิ ความเสียหายซ้ำสองที่เขาก่อไว้ทำให้คราวนี้ไม่มีใครอยากจะมาร่วมส่งตัว
แต่น่าแปลกที่คราวนี้ กลับมีบุคคลที่น่าจะเกลียดชังโลกิ ลอฟเฟย์ซันอย่างออกนอกหน้าอย่างที่สุดมาร่วมส่งด้วย
โทนี่ สตาร์ค ฮีโร่มหาเศรษฐีที่แต่งกายด้วยสูทหรูดูดีจนมองไม่ออกถึงสภาพร่างกายอิดโรยจากอาการป่วยและทรุดโทรมจากการเฝ้าดูแลใครคนหนึ่งอย่างไม่วางตา สตีฟ โรเจอร์ กัปตันอเมริกา ที่ยังคงนอนหลับไหล
ร่างล่ำสันเดินพุ่งตรงเข้าไปหาเทพสายฟ้าร่างใหญ่อย่างไม่สนใจรอบข้าง ดวงตาสีน้ำตาลแวววามเข้มโรจน์.......ซึ่งอันที่จริงเขาคงไม่ได้มาเพื่อการลาจากพี่น้องคู่นี้แน่
ก่อนที่ใครจะทันได้คาดคิด โทนี่ฟาดหมัดพุ่งเข้าใส่เทพสายฟ้าแบบไม่ทันรู้ตัว แต่ฝ่ายเจ้าชายแห่งแอสการ์ดก็คล้ายจะมิได้ตอบโต้
"ไปแล้วไม่ต้องกลับมาล่ะ ธอร์" บุรุษเหล็กกล่าวเสียงกร้าวแบบไร้สำเนียงล้อเล่นตามปกติที่มักจะทำ แววตาแข็งกร้าวมองสบดวงตาสีฟ้าเข้มอย่างจริงจัง
ธอร์ โอดินซันจ้องมองตอบด้วยใบหน้าที่มีรอยเลือดซึมมุมปาก เขม้นดวงตาครุ่นคิด แล้วขยับปากหนาราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง
"สตาร์ค....เรื่องระหว่างข้ากับสตี............."
พูดได้เพียงเท่านั้นก็ต้องเงียบเสียง ด้วยว่าถูกตวาดทับด้วยเสียงอันแข็งกร้าว
"ไม่ ต้อง บอก ชั้นไม่อยากรู้" ก่อนที่ชายในชุดสูทจะถลาเข้าคว้าคอเสื้อคนสูงกว่าอย่างโกรธแค้น
"ไม่เคยมีเรื่องอะไรระหว่างนายกับสตีฟ เหมือนกับที่ไม่เคยมีเรื่องอะไรระหว่างนายกับชั้น และเรื่องชั้นกับน้องชายนาย"
โทนี่กล่าวเสียงลอดไรฟันดังเพียงแค่ให้ตนและธอร์รับรู้
"ข้าแค่อยากบอกเจ้าว่า...........ขอโทษ" เทพสายฟ้าผู้ทะนงตนเอ่ยคำอย่างสำนึกผิดเป็นคราที่สอง แล้วกล่าวต่อเสียงเบาบาง
"และที่สำคัญ แม้เรื่องนั้นจะเกิดขึ้น แต่สตีฟนั้นรักแต่เจ้า..........."
มิตรภาพที่ควรจบเพียงแค่การปลอบประโลมความเจ็บช้ำ ต้องเปลี่ยนเป็นความสัมพันธ์แสนเศร้าเพราะความหวั่นไหวของข้าเอง ร่างสูงใหญ่ก้มหน้าลงด้วยความเศร้าหมอง
โทนี่ได้แต่ยิ่งเงียบด้วยอาการข่มกลั้น..........แม้เขาจะรู้ความจริงทั้งหมดนั้นแต่ก็อดแค้นเคืองไม่ได้
เคืองแค้นทั้งตนและบุคคลรอบกายที่ทำให้ปัญหาพัวพันวุ่นวายจนแก้ไขไม่ได้เช่นนี้
ก่อนที่เสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่จะดังขึ้นมาขัดจังหวะ โทนี่กดรับอย่างหงุดหงิด ก่อนจะนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ แล้วหลุดคำออกมาอย่างไม่เชื่อหูตนเองว่า
"จริงเหรอ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้"
โดยที่ไม่ได้บอกลาสิ่งใด ชายในชุดสูทก็พุ่งตัวขึ้นรถขับกลับไปโดยไม่มีแม้คำจากลา ซึ่งอาจจะเป็นปกติของตัวเขาก็เป็นได้ ธอร์คิด ก่อนหันมาเผชิญหน้ากับชายร่างสูงเบื้องหน้าด้วยแววตาอ่อนโยน
"กลับบ้านกันเถอะ โลกิ"
ก่อนจะสังเกตว่าแววตาสีเขียวเบื้องหน้าฉายแววเจ็บปวดเล็กน้อย แค่เพียงเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนกลับมาเป็นสีหน้ายิ้มเหยียดหยันแบบที่เจ้าตัวชอบทำ
"นั่นสิ กลับไป"บ้านท่าน"กันเถอะ"
โลกิกล่าวเสียงหวานก่อนจะเอื้อมมือมาจับผลึกแทซซาแรคต์ ตั๋วเดินทางกลับบ้านของพวกเขาที่ถูกหน่วยชีลต์ยึดไปวิจัยเป็นสิ่งทดแทนที่พวกเขาชาวแอสการ์ดได้ลงมาทำให้โลกนี้ปั่นป่วนถึงสองครั้งสองครา
แต่ในที่สุดสมบัติแห่งราชาโอดินก็ต้องคืนถิ่น ทั้งผลึกสีน้ำเงิน รัชทายาท และนักโทษประหาร
แล้วแสงสีฟ้าสว่างวาบที่สาดส่องสู่ท้องฟ้าสูงลิบนำพาร่างชายชาวแอสการ์เดียนสองร่างให้หายวับไปจากพื้นโลก ไปล่องลอยอยู่ในช่องว่างระหว่างมิติอวกาศ
ในช่วงเวลาชั่วครู่ของวูบแสงที่เดินทางธอร์ยิ้มอบอุ่นราวต้องการต้อนรับน้องชายแสนรักกลับเยือนบ้าน ที่คราวนี้เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ราชาอภัยโทษให้ โลกิ ลอฟฟีย์ซันยิ้มตอบกลับด้วยรอยยิ้มใสสดที่สุดเท่าที่ธอร์เคยเห็นมา
ก่อนจะปล่อยมือเรียวบางที่เกี่ยวเกาะกล่องแก้วลูกบาศก์นั้นออกไป
ผลึกสีฟ้าส่องแสงวูบวาบด้วยความไม่เสถียร มือหนาที่ยื่นไปคว้าร่างของโลกิไว้แต่สัมผัสไม่ได้ทำให้ธอร์คลุ้มคลั่ง ต้องตะโกนเสียงแหบพร่าด้วยความตื่นตระหนก
"โลกิ เจ้าทำอะไร"ดวงตาสีฟ้ามองสบดวงตาสีเขียวที่กำลังจะเลือนลางจางหายไปกับแสงสีเจิดจ้าที่ปกคลุมรอบตัว
""ท่านหลงกลข้าอีกแล้วนะ......ท่านพี่..........ความรักของท่านช่วยข้าไม่ได้" เทพมุสาเหยียดยิ้มบางที่ดูแล้วเหมือนจะร่ำไห้ ก่อนจะทิ้งตัวปล่อยกายให้วูบหายไปกับแสงจ้า ทิ้งไว้เพียงประโยคสุดท้ายว่า
"ในการต่อสู้ครั้งหน้า............ข้าอาจไม่รู้จักท่านแล้วก็เป็นได้"
ธอร์ เทพสายฟ้าร่ำร้องด้วยความปวดร้าวเมื่อคว้าได้เพียงความว่างเปล่า เมื่อปลายเท้าอ่อนล้าทรุดลงบนผืนดินแอสการ์ด
..........................
"กัปตันอเมริกาฟื้นแล้ว" ฟิวรี่แจ้งกับเขาสั้นๆผ่านทางโทรศัพท์เมื่อครู่ แค่นั้นก็ทำให้เขาแทบจะพุ่งถลากลับมาที่เรือนพยาบาลของชีลด์อย่างเร่งรีบจนไม่ได้สนใจฟังสิ่งที่ฟิวรี่พูดประโยคต่อมาเลยซักนิด
จิตใจของเขามุ่งหน้าไปไวกว่าตัวหลายเท่าจนอยากจะเรียกชุดสูทไอรอนแมนมาสวมแล้วเหาะไปหา
สตีฟฟื้นแล้ว ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณผีสางเทวดาหรืออะไรก็ตามที่เขาได้สวดมนต์อ้อนวอนเอาไว้ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังนั้น
เขาจะได้เห็นแววตาสีฟ้าใสที่จ้องมองเขานั่นอีกครั้ง จะได้ยินเสียงนุ่มที่เขาคิดถึง แม้ว่าจะเป็นคำบ่นก่นด่าอะไรซักอย่างแต่ตอนนี้สำหรับเขาแล้วมันคือเสียงที่เขาอยากได้ยินมากกว่าสิ่งใด
แต่ก็ต้องแปลกใจกับสภาพตึกพยาบาลที่ดูยับเยินราวกับเกิดการจลาจลอะไรซักอย่างขึ้น เขาสอดส่ายสายตามองไปทางห้องพักที่เคยเป็นของสตีฟที่ตอนนี้กำแพงกระจกกั้นห้องแตกกระจายลงมาเกลื่อนพื้นห้อง
ก่อนที่เขาจะตั้งสติได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงเอะอะโครมครามก็ดังมาจากห้องพักโซนภายนอก พร้อมกับร่างของชายผิวดำตาเดียวที่มาสัมผัสไหล่เขาจากทางเบื้องหลัง
"ฟิวรี่ นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น ส....สตีฟเป็นอะไร เขาไปไหน......" ก่อนที่คำถามที่พรั่งพูออกมาด้วยความตื่นตระหนกของโทนี่จะสิ้นสุด ฟิวรี่ก็กล่าวด้วยเสียงเรียบขรึมว่า
"สตีฟ โรเจอร์ กัปตันอเมริกาตื่นขึ้นมาแล้ว.............และจำอะไรไม่ได้เลย"
"ความทรงจำของเขากลับไปสู่ช่วง70ปีที่แล้วที่เขาเพิ่งตื่นในครั้งแรก เขาอาละวาดอย่างหนักกว่าที่เราคิดไว้ ตอนนี้เราให้ยากล่อมประสาทและพาไปไว้ในห้องพักรับรองอีกห้องแล้ว"
"ไม่จริงน่า....มันจะเป็นไปได้ยังไง ชั้นต้องพบสตีฟ " โทนี่พุ่งตัวเข้าไปให้ห้องสีขาวสว่างเร็วกว่าที่ใครจะห้ามทัน เมื่อได้รู้ว่าชายคนรักของเขานั้นอยู่ที่ไหน
ร่างสูงที่นอนเหยียดยาวบนเตียงหรี่ตาปรือมองมาทางเขาอย่างประหลาดใจ
วูบแรกแววตาที่มองเขาดูตื่นตระหนก ก่อนที่ดวงตาสีฟ้าใสจะจ้องมองใบหน้าของเขาอย่างสงสัยและผุดยิ้มออกมาเหมือนเวลาเราค้นหาอะไรบางอย่างเจอ
เหมือนจะจดจะเค้าหน้าของบุคคลนั้นได้................ใช่ สตีฟต้องจำเขาได้ โทนี่คิด
ใบหน้าอ่อนเยาว์งดงามแย้มยิ้มสว่างใสก่อนจะเอื้อนเอ่ยเสียงที่เขาแสนคิดถึง
"โฮเวิร์ด......โฮเวิร์ดใช่มั้ย?"
.
.
.
.
คล้ายกับว่าโลกทั้งโลกหยุดลงแล้วดับวูบ คำพูดของฟิวรี่เมื่อครู่ก็ลอยวนเวียนในโสตประสาท
"จากการตรวจของแพทย์บอกว่าสมองของสตีฟตื่นขึ้นจากสภาพสมองตายแล้วก็จริงแต่ความทรงจำก่อนหน้านี้ประมาณ1ปีตั้งแต่เขาตื่นขึ้นมาขาดหายไปหมด ทั้งเรื่องที่เขาเป็นอเวนเจอร์ ทั้งเรื่องสงครามกับโลกิ ทั้งเรื่องที่เขาถูกล้างสมองให้จู่โจมชีลด์ด้วย
เหมือนเขาต้องการปิดกั้นความทรงจำช่วงนั้น ความทรงจำที่เขาอยากลืม"
เรื่องทั้งหมดที่ปวดร้าวและอยากลืมเลือน รวมทั้งเรื่องของชั้นด้วยใช่ไหม
ความทรงจำที่เจ็บปวดทั้งหมด ความรักของนายที่ถูกชั้นทำลาย ความรู้สึกผิดที่ต้องทำร้ายผู้บริสุทธิ์ภายใต้การควบคุมจิตใจจากโลกิ ลอฟเฟย์ซัน
นี่คือโทษทัณฑ์ที่ได้รับจากการกระทำที่มีต่อนายใช่ไหม...............การลงโทษด้วยการลืมเลือน
แต่ด้วยดวงตาสีฟ้าเป็นมิตรที่ยิ้มแย้มอยู่ตรงหน้า ที่ดูแล้วช่างงดงามไปด้วยความสุขมากกว่าดวงตาขมขื่นเคลือบน้ำตาเมื่ออยู่กับเขา..........บางทีคงดีกว่าหากเทพยดาของเขาจะไม่ต้องกลับไปเจอกับเรื่องเลวร้าย
ชายหนุ่มในชุดสูทจึงยื่นมือให้บุคคลเบื้องหน้า ความเจ็บปวดถูกปกปิดใต้รอยยิ้มยียวนแบบที่เคยผ่านมา แล้วกล่าวทักทาย
"ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ผมโทนี่ โฮเวิร์ดซัน ยินดีที่ได้รู้จัก คุณสตีฟ โรเจอร์"
โดยที่สัญญากับตัวเองว่าวันเวลาที่เหลืออยู่ของเขาจะไม่พยายามดึงเทวดาองค์นี้ลงมาเจ็บปวดกับเขาอีก
แอนโทนี่ เอ็ดวาร์ด สตาร์ค สุภาพบุรุษเพลย์บอยอัจฉริยะยิ้มให้ สตีฟ โรเจอร์ด้วยรอยยิ้มสดใสที่สุดเท่าที่เขาจะสามารถเสแสร้งได้ในชีวิตนี้ ชีวิตที่อีกไม่นานนักก็คงจะจบสิ้นไปโดยลำพัง อย่างเงียบๆตามที่เขาตั้งใจไว้
END
///////////////////////////////////////
จ.................จบแว้ววววววววว//กรีดร้องงงงงง
เกือบจบไม่ลงเพราะมีบทจบหลายแบบมากในหัว แต่คิดไปคิดมาแบบนี้น่าจะดูแฮปปี้เอนด์ที่สุดแล้ว(เรอะ)
เบบี๋ย์ทั้งหลายฟินาเล่กับพี่น้องมั้ยจ๊ะ จขบ.เขียนไปพลางเอามืออุดจมูก 555
ห๊ะ
ว่าไงนะ
นี่ตีฟจบแค่จูบงั้นเหรอ?
ใช่แล้วล่ะเบบี๋ย์
โดนอีกแล้วววววว
ก็ซีรีย์นี้อยากให้ป๋าได้แค่นี้ล่ะ ไปเก็บตกเอาในฟิกหื่นตอนนี้แทนละกันน
ปอลอ มีใครอยากรีเควสฟิกคู่ไหนบ้างไหมอร่าาาา ตอนนี้พล็อตหมดสต็อกแล้ววว แต่กำลังว่าเล็งๆจะเขียนฟรอสไอรอน ไม่ก็ธอร์ตีฟ(?) ไม่ก็โลกิตีฟ(เฮ้ยยยย) อยู่
จะว่าไป....สตีฟ/ฟีล โคลสันก็ดีเนอะ//ผิดมากกกกก
///////////////////////////////////////
ฝากเพจSuperhusbands SteveXTony ตามเคย
ไปทำtumblr มาด้วย 555 เอาไว้สกรีมตีฟต๊ากต๊ากตีฟเฉพาะกิจ ว่างๆก็ไปฟอลโล่กันได้นะ เลิฟๆ
http://stonyxcapiron.tumblr.com/
จบแล้วเหรอ?
ตอบลบมันจบแล้วววววว กรี๊ดดดดด รู้สึกยังไม่จบอ้ะ!!
อย่าจบแบบนี้!!//เขย่าตัวไรท์
ตอบลบ