วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556

(fic-superfamily?)Mr.&MRS.Stark-4:That was the plan(Steve/Tony,Spideypool)

หื่นฮาเฮSUPERFAMILY ตอน 4 มาแว้ววววววววววว
ดองเค็มมานานแถมตอนนี้ยังไม่มีNCให้อ่านซะอีก//แย่ส์


ไปอ่านตอนเก่าๆก่อนนะจ๊ะ

Mr.& Mrs.Stark : หื่นฮาเฮภาคครอบครัว?(Steve/Tony) ตอนต่อจากหื่นฮาปาจิงโกะ เมื่อทั้งสองคนเข้าสู่พิธีแต่งงานแล้วก็ครองคู่กันอย่างมีความสุขตลอด ไป......จบ
ซะที่ไหน การแต่งงานมันเป็นแค่การเริ่มต้น หุหุหุ คาดว่าน่าจะมี Superfamilyในภาคนี้ด้วย
Mr.& Mrs.Stark : Prologue
Mr. & MRS. Stark-1 : kiss the bride(?)
Side Story*ตอนพิเศษ : As your wish, Sir (or Daddy) (Jarvis/Jarvis/tony(?))
Mr. & MRS. Stark-2 : I Hate That Boys!
Mr. & MRS. Stark-3 : Average frequency

///////////////////////////////////////////////////////////////

Title : Mr. & MRS. Stark-4 : That was the plan

Rate : ตอนนี้ PG13 ใสมากกกก

Genre : Homour,กุ๊กกิ๊ก,รั่ว,มั่วนัก//ทรุด

Pairing: (Steve/Tony) ,Spideypool,Superfamily?

Vers: Avengers Movie vers.+Comic หน่อยๆ

//////////////////////////////////////////////

Mr. & MRS. Stark-4 : That was the plan

ว่ากันว่าแมงมุมสามารถสร้างเส้นใยออกมาได้ถึง7แบบเพื่อใช้ในวิตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไป ในข้อนี้แม้ว่าปีเตอร์จะสร้างได้ไม่มากมายขนาดนั้น(แหงล่ะ เขาเป็นคน ไม่ใช่แมงมุม) แต่ทว่าเขาก็ได้ขโมยความสามารถบางอย่างมาประยุกต์ใช้ในการป้องกันตัวได้บ้าง

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเบิกโพลงขึ้นอย่างกระทันหันเมื่อเซนส์พิเศษอันละเอียดอ่อนลึกลับของแมงมุมสัมผัสได้ถึงแรงเคลื่อนไหวที่ปลายเส้นใยที่บางจนแทบมองไม่เห็น เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าศัตรูซุ่มตัวอยู่ในห้องบริเวณไม่ห่างจากเขาเกินสามเมตร

ใกล้เกินไป......การเคลื่อนตัวว่องไวและชำนาญที่หลบเลี่ยงกับดักที่เขาวางไว้มาเข้าใกล้ได้ขนาดนี้ก็มีแต่ไอ้บ้านั่นคนเดียวนั่นล่ะ ปีเตอร์กลอกตาก่อนคว้าดาบญี่ปุ่นข้างเตียงขึ้นมาถือไว้แล้วพูดเสียงเหนื่อยหน่าย

"เวด ถ้านายยังไม่เลิกย่องมาตอนชั้นหลับชั้นจะเอาดาบคาตานะนายโยนออกทางหน้าต่าง"

ร่างสูงในเสื้อชุดคลุมสีดำรุ่งริ่งก็ก้าวออกมาด้วยท่าทางกวนประสาท

"แหม จะกล้าทำกับกล่องดวงใจที่เดดพูลคนนี้ได้ให้ไว้แทนตัวได้ยังไงจ๊ะ  สไปดี้ที่รัก"


เวด วิลสัน หรือเดดพูลที่สภาพยับเยินด้วยรอยไหม้และรูพรุนจากรีพัลเซอร์กล่าวน้ำเสียงยียวน

เสียงกระจกแตกดังเพล้งที่ดังขึ้นมาพร้อมวัตถุทรงยาวเรียวที่กระแทกผ่านบานหน้าต่างออกไปทำให้เวดต้องรีบกระโจนไปคว้าดาบญี่ปุ่นแสนรักที่โดนเขวี้ยงออกไปนอกตึกโดยลืมไปล่ะมั้งว่าตอนนี้เขาและปีเตอร์อยู่ที่ชั้นร้อยกว่า

โชคยังดีที่ปีเตอร์ยังมีความกรุณาด้วยการพันใยบางๆไว้ปลายดาบ ดึงตัวให้เขาไม่หล่นไปจากสตาร์คทาวเวอร์ แม้เวดจะไม่เจ็บไม่ตายแต่ว่าการหล่นจากตึกสูงๆแล้วต้องมาเดินหาชิ้นส่วนตัวเองให้ครบก็ไม่ใช่เรื่องน่าสนุกอยู่ดี

"แหม เล่นแรงนะเนี่ย" เด็กหนุ่มชุดดำเกาะใยแมงมุมไต่ขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ในระหว่างที่ใบหน้าใสยิ้มไร้เดียงสาก่อนกล่าวเสียงเหี้ยม

"คราวหลังก็อย่ามากวนการนอนของชั้นสิ แล้วอีกอย่างมิสเตอร์สตาร์คก็ไล่ตะเพิดนายจากที่นี่แล้วไม่ใช่เรอะ"

"แม้จะถูกขัดขวางแต่ด้วยความรักทำให้ข้าฝ่าดงมิสไซล์มาหาเจ้าจนได้ แมงมุมน้อยในหอคอยสตาร์ค" เวดกล่าวก่อนที่ใยจะโดนตัดขาด....ซึ่งก็โชคยังดีว่าเขาเกาะขอบหน้าต่างแล้วตึงตัวเข้ามาทันซะก่อน

"สรุปว่าถ้าจะมากวนการนอนอย่างเดียว เดี๋ยวชั้นก็ตะโกนเรียกคุณสตาร์คมาลากคอนายไปหรอก" ปีเตอร์ทำหน้าเซ็งใส่เด็กหนุ่มที่ถือวิสาสะเข้ามานั่งที่เตียงของเขา

"ตอนนี้ต่อให้ระเบิดลงตรงหน้า สองคนนั้นก็คงไม่สนใจหรอกมั้ง " เวดพูดเสียงกลั้วหัวเราะมีเลศนัยที่ฟังแล้วสยดสยองนั่นอีกแล้ว

ปีเตอร์กลอกตาอีกรอบ ถึงแม้ว่าจะแก้ปัญหาความเกลียดขี้หน้าของโทนี่ สตาร์ค ที่มีต่อตัวเองได้แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะอยากถูกแย่งกัปตันอเมริกาไปซะหน่อย

"ว่าแต่ว่าสองคนนี้ใครบนใครล่างอ่ะ นายรู้ละป่าว" ใบหน้าใต้หมวกคลุมนั้นยักคิ้วถามต่ออย่างยียวน

แม้ว่าปีเตอร์จะรู้อยู่เต็มหู(ไม่ได้อยากฟังหรอกนะ แต่สไปเดอร์เซนส์มันทำให้ได้ยิน)ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ก็ขี้เกียจบอกให้ไอ้เจ้าหื่นกามนี่ได้รับรู้ซักเท่าไหร่

อีกอย่าง.....ไอ้เสียงร้องแง้วๆของโทนี่ สตาร์คนั่นเขาว่าเก็บไว้เป็นไม้ตายส่วนตัวของเขาก่อนดีกว่า ปีเตอร์คิดว่าจะแกล้งให้โทนี่หัวปั่นเพื่อคลายความหงุดหงิดอย่างไรดี

"เฮ่ ปีเต้อออออออออ ถ้านายไม่บอกชั้นจะไปฟ้องคนอื่นนาว่านายใส่ความชั้นเรื่องกัปตันอเมริกา ไหนจะแผนปูทางเข้าสู่อเวนเจอร์นั่นอีกล่ะ" เวดกล่าวก่อนเดินมาเกาะไหล่ปีเตอร์ที่ยืนคิดอย่างใจลอย

เด็กหนุ่มยิ้มเหี้ยมก่อนยกเท้ายันร่างสูงจนหน้าหันก่อนขู่  "ถ้าอยากเสียใจที่ฆ่าไม่ตายก็ลองดู..." แต่ดูเหมือนเวดจะไม่ได้ใส่ใจ

"ว่าแต่ใกล้หมดเวลาที่ชีลด์เอาเรามาฝากเลี้ยงที่นี่แล้วนา ไอ้เจ้าตาเดียวนั่นก็ยังไม่ใจอ่อน ชั้นว่าเราไปถล่มเฮลิคาริเอร์เล่นกันอีกดีมั้ย?"

แค่นึกถึงหน้านิค ฟิวรี่ ผู้บัญชาการหน่วยชีลด์ อสูรตาเดียวผู้โหดเหี้ยมสยดสยองนั่นปีเตอร์ก็ถึงกับขนลุก เขาไม่ค่อยกลัวอะไรง่ายๆหลังจากโดนแมงมุมเจ้ากรรมนั่นทำให้เขากลายร่าง....อ่า กลายพันธ์เป็นมนุษย์แมงมุมที่ประสาทแข็ง แกร่งกล้า มุทะลุดุดันและกวนประสาท

ซึ่งดูจะขัดกับบุคลิกแสนดีใสซื่อของเขาก่อนหน้านั้นโดยสิ้นเชิง เขาที่เคยเป็นไอ้เด็กแว่นขี้แหยไม่สู้ใคร โดนไอ้เจ้าแฟลช ขาใหญ่ของโรงเรียนซ้อมเอาๆอย่างไม่มีทางสู้(แน่นอนว่าตอนนี้เขาเป็นฝ่ายตลบหลังแก้แค้นกลับบ้างแล้ว)

กลายมาเป็นเขาที่เวดให้คำจำกัดความว่า "แมงมุมซ่อนเขี้ยว" ซึ่งเขาก็ยังอยากเอาส้อมจิ้มตามันอยู่หน่อยๆเพราะเขาอุตส่าห์ทำตัวสงบเสงี่ยมเพื่อปิดบังตัวตนที่เป็นสไปเดอร์แมนแทบตาย ไอ้หมอนี่ดันเอามาโพล่งซะบ่อยๆ

ก็อย่างว่า.....การทำตัวน่ารักใสซื่อมันทำให้เขาสามารถตีสนิทล้วงความลับและทำการใดๆได้โดยสะดวก แต่ว่ามันดันใช้ไม่ได้กับตาเดียวของตาลุงฟิวรี่นั่นน่ะสิ

ไม่ใช่สิ แม้แต่ตาขวาของผบ.ชีลด์ที่ชื่อว่า ฟิล โคลสันก็ยังจับได้ทั้งๆที่เขาแกล้งโกงอายุและตัวจริงเพื่อขอสมัครเข้าทีมอเวนเจอร์แล้วเชียว....นั่นทำให้เขาโคตรจะเหม็นขี้หน้าฟิลอย่างยิ่ง ยังไม่นับเรื่องที่เอเจนต์แฟนบอยนั่นมาแย่งประมูลฟิกเกอร์วินเทจกัปตันอเมริกาไปจากเขาซะด้วย

ถ้าเขาจะได้เป็นหนึ่งในทีมอเวนเจอร์ เป้าหมายแรกที่ควรทำนอกจากทำตัวเรียบร้อยในสายตาฟิวรี่ขาโหดนั่นแล้ว การที่ว่าได้รับการยอมรับจากสองสมาชิกหลักๆของอเวนเจอร์ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ

แม้ฟิวรี่จะยืนยันเสียงแข็งว่าเขาอายุไม่ถึงและไม่มีคุณสมบัติจะเข้าร่วมแต่ถ้าหากว่าเขาเป็นเด็กเส้นของกัปตันอเมริกาและฮีโร่สปอนเซอร์หลักของอเวนเจอร์อย่างไอรอนแมนก็น่าจะทำให้เขาอาจมีโอกาสได้เป็นหนึ่งในนั้นขึ้นมาบ้าง.....ล่ะมั้ง

"เฮ้ ใจลอยไปไหนจ๊ะเบบี๋ย์" เวดว่าพร้อมขโมยหอมแก้มปีเตอร์ที่ยืนนิ่งคิดไม่รู้ตัวไปหนึ่งที

แล้วก็โดนดาบคาตานะของตัวเองฟาดใส่ซะหัวแทบแยก ดีที่ว่าเด็กหนุ่มผมสีเข้มลมออกหูจนไม่ทันได้ถอดปลอกดาบออกก่อนหั่นร่างเขาเป็นสองส่วน

"เจ็บแต่โคตรคุ้ม"


เสียงยียวนกวนส้นของเวด วิลสันดังลอยออกมาก่อนที่จะโดนยันออกมาจากห้องพร้อมเสียงปิดประตูดังปัง ตามด้วยเสียงสัญญาณเตือนดังลั่นของจาร์วิสที่โทนี่ตั้งเซนเซอร์ไว้เตือนการมาบุกของเดดพูลไว้เป็นพิเศษ

ร่างสูงในชุดฮู้ดยับเยินนั้นยักไหล่แล้วพุ่งตัวหนีจากไป ไม่ใช่ว่าเขากลัวไอรอนแมนหรืออะไรแต่ถ้าชุดเขาพังมากไปกว่านี้คงดูน่าอุจาดตาพิลึก

"งั้นลูกเขยหนีก่อนพ่อตาจะเอาลูกซองมาไล่ยิงนะจ๊ะที่รัก" เวดว่าก่อนส่งจูบให้คนในห้องแล้วโรยตัวออกทางหน้าต่างไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ปีเตอร์ทำหน้าโหดที่เปลี่ยนเป็นหน้าใสซื่อทันควันเมื่อกัปตันอเมริกาวิ่งกระหืดกระหอบมาที่หน้าห้อง

เด็กหนุ่มเปิดประตูต้อนรับสตีฟ โรเจอร์ที่มาเคาะประตูด้วยสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ร่างสูงใหญ่ที่โดนเกาะแข้งเกาะขามาด้วยตาลุงหน้าตาบอกบุญไม่รับที่จ้องเขาด้วยสายตาจิกกัด ปีเตอร์ยิ้มในใจก่อนจะกล่าวเสียงสั่นด้วยท่าทางน่าสงสาร "ค....คุณสตีฟ"

"ผมได้ยินสัญญาณดัง มีอะไรหรือเปล่าปีเตอร์"เขาถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

โทนี่ สตาร์คที่สวมเสื้อเชิ้ตตัวเดียวก็ยื่นหน้ามาแทรก "ก็แค่ไอ้เจ้าตายยากนั่นโผล่มาแค่นั้นล่ะ ชั้นว่าเรากลับไปต่อกันเหอะน่า สตีฟฟฟฟฟฟ" ร่างเล็กพยายามฉุดดึงอีกคนให้กลับไปห้อง

แมงมุมซ่อนเขี้ยวหน้าซื่อเลยขอกวนประสาทโทนี่แก้เซ็งด้วยการมองหน้ากัปตันอเมริกาด้วยดวงตาpuppy eye

"เวดเค้ากลับมาแล้วพยายามจะบุกเข้ามาในห้องน่ะครับ ผมกลัวว่าเขาจะเข้าไปรบกวนพวกคุณเลยขอร้องให้เขากลับไป" ปีเตอร์ทำหน้ายิ้มฝืน "แต่เขาก็พยายามจะบุกเข้ามา" แล้วทำตัวสั่น

แค่นี้คุณสตีฟผู้แสนดีก็เสนอตัวจะเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงกล่อมนอนท่ามกลางเสียงคัดค้านโวยวายของไอรอนแมน แค่นั้นก็ช่วยคลายความหงุดหงิดที่ไอ้เจ้าเวดนั้นทำไว้ไปบ้าง

"ไม่เป็นไรครับคุณสตีฟ ยังไงผมกับเขาก็เป็นเพื่อนร่วมทีมที่พยายามเข้าร่วมอเวนเจอร์ด้วยกัน" ปีเตอร์เน้นเสียงเบาๆแฝงความหมาย

กัปตันอเมริกาทำหน้าลำบากใจก่อนที่โทนี่จะโพล่งออกมา

"รอไปอีกซักห้าหกปีเถอะไอ้หนู อีกไม่นานฟิวรี่ก็จะเอานายไปดูแลเองแล้ว" เด็กหนุ่มซ่อนความขัดเคืองไว้ก่อนเอ่ยถาม "จริงหรือครับคุณสตีฟ"

"อือม์ เอเจนต์โคลสันเพิ่งแจ้งมาว่าจะลองให้ปีเตอร์กับเวดไปฝึกฝนเตรียมการ"ระยะยาว"เพื่อเตรียมเข้าสู่การเป็นอเวนเจอร์น่ะ"  ไอ้คำว่าเตรียมการซ้อนกันสองรอบนั่นทำให้ปีเตอร์คิดว่ามันเป็นการยื้อระยะให้เขายิ่งห่างจากการร่วมทีมเข้าไปอีกหลายล้านปีแสง

ถึงเวลาที่เขาต้องคิดวางแผนการอีกแล้วสินะ ปีเตอร์ พาร์คเกอร์คิดด้วยใบหน้าใสซื่อเมื่อเชิญตัวคู่แต่งงานทั้งสองออกจากห้องไปสำเร็จ

......................................

หนึ่ง การจะเข้าเป็นสมาชิกอเวนเจอร์ได้ต้องอายุเกิน18 - เฟล

สอง ต้องได้รับการเชิญ(หรือสั่งการ)จากตาลุงนิคฟิวรี่..... เฟลซ้ำสอง

สาม ต้องเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่ได้รับการรับรองจากกัปตันอเมริกาและไอรอนแมนให้ว่าเป็นฮีโร่ที่สมควรแก่การรับเชิญเข้าทีมได้อย่างเป็นทางการที่ข้อนี้น่าจะพอเป็นไปได้ แต่ติดอยู่ที่ว่าท่าทางคุณสตีฟจะเห็นเขาเด็กเกินไปและโทนี่สตาร์คก็ดันเห็นว่าเขาเป็นแค่ก้างขวางคอ แย่ส์

และที่แน่ๆ ตอนนี้เขากำลังจะโดนจับไปขัง....อ่า อบรมฝึกฝนโดยองค์กรชีลด์แทนการที่เขาจะได้ฝึกสนุกๆกับกัปตันอเมริกาไอดอลฮีโร่ที่เขาชื่นชม แถมยังใกล้เวลาเปิดเทอมเข้าไปอีกซะด้วย

เขาลืมบอกไปหรือเปล่าว่าเขาเพิ่งเป็นเด็กอายุ14 ห่างจากอายุที่โกงชีลด์ไปตั้งสามปี....ช่างเถอะ ยังไงฟิวรี่ก็ไม่เชื่ออยู่แล้ว

ตอนนี้เขาเลยต้องมานั่งวางแผนกับพันธมิตรคู่แค้นเก่าของเขาอย่างไอ้เจ้าเวด วิลสัน เดดพูลอย่างเสียไม่ได้เพราะว่ามันเป็นผู้ร่วมอุดมการณ์แค่คนเดียวที่บ้าพอจะบุกชีลด์เพื่อขอเข้าร่วมอเวนเจอร์กับเขาโดยไม่กลัวฟิวรี่ได้.........และแน่นอนว่าครั้งนั้นปีเตอร์โยนความผิดทั้งหมดให้เวดเกลี้ยงอย่างเรียบร้อย

ซึ่งเจ้าหมอนี่ก็ดูจะไม่ใส่ใจในคดีที่เพิ่มพูนๆขึ้นของตัวเองซักเท่าไหร่ อย่างครั้งนี้ที่แม้จะโดนโทนี่ สตาร์ค ขู่ฆ่าแต่ก็ยังเสนอหน้ามาที่สตาร์คทาวเวอร์ได้ทุกวันจนถึงขั้นว่าโทนี่เบื่อที่จะเอาปืนไล่ยิงไปเองเพราะว่ายิงไปก็ไม่ตายและเสียดายของเปล่าๆ

เวดในเสื้อฮู้ดสีเทาแต่สวมหมวกโม่งแดงแปร๊ดที่เห็นแล้วแสบตาทำท่าจะดึงแว่นของเขาไปสวมเล่นด้วยท่าทางกวนประสาท แม้ว่าเป็นแว่นที่เขาแค่ใส่ไว้เฉยๆก็ไม่อยากให้เวดมายุ่งกับหน้าเขาซักเท่าไหร่ ปีเตอร์เลยใช้เท้ายันใส่โม่งสีแดงนั่นไปซะหนึ่งที

แต่ไอ้เจ้านั่นก็ยังทำท่ายิ้มให้ด้วยสีหน้ากวนส้น ที่ทำให้เขาคิดว่าบางทีวิลสันอาจจะเป็นมาโชนิดๆก็เป็นได้ (แต่เขาไม่ใช่ซาดิสต์ เสียใจด้วย)

"นายว่าชั้นจะเอาไงดี" ปีเตอร์ถามลอยๆเมื่อเดินถือแก้วกาแฟเดินไปที่หน้าต่าง

วันนี้ทั้งสตีฟและโทนี่ถูกเรียกกลับไปที่หน่วยชีลด์เพื่อฟังภารกิจบางอย่าง และเนื่องจากเขาพอจะแฮคระบบหลอกจาร์วิสได้บ้างเล็กน้อยเลยทำการลากตัวเดดพูลมาร่วมวางแผนด้วยซักหน่อย

"ก็รออีกสามสี่ปีให้นายอายุถึง18ก็ค่อยไปสมัครอีกทีก็ได้นี่หว่า" เวดกล่าวเสียงจริงจังอย่างผิดปกติ "นายไม่เห็นต้องรีบขนาดนั้น"

เด็กหนุ่มผมหยักศกหันไปจ้องมองด้วยแววตาเย็นชา "กว่าจะถึงตอนนั้นคดีความมันอาจจะหมดอายุไปแล้วก็ได้ ถ้าผ่านมาสามปีชั้นยังรู้เพียงแค่นี้" ปีเตอร์กอดอกทอดสายตามองไปไกลๆ

"อีกอย่างแค่คิดว่าต้องไปอยู่โรงเรียนประจำชีลด์ชั้นก็ขนลุกแล้ว" เขาหันมายิ้มฝืนๆให้เวดที่เดินเข้ามาข้างหลังเงียบๆด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออกภายใต้ผิวหมวกโม่ง

......................................

DEADPOOL POV

การที่รู้ทุกอย่างแต่บอกไม่ได้นี่น่าเซ็งชะมัดเลยเนาะคุณผู้อ่าน

ก็อย่างว่าปีเตอร์คนนี้ถูกพ่อแม่ทิ้งไปตั้งแต่ยังไม่ถึงห้าขวบแถมยังได้ข่าวว่าสองคนนั้นโดนแก๊งอาชญากรตามฆ่าไปแล้วซะอีก ไอ้เจ้าหมอนี่เลยพยายามอย่างเอาเป็นเอาตายที่จะหาข้อมูลของไอ้แก๊งนั้นมาให้ได้

แต่ด้วยความว่าเป็นแค่เด็กกำพร้าไร้ที่พิ่งแถมยังโดนแมงมุมบ้ากัดซะจนต้องกลายเป็นสไปเดอร์แมนเมื่อเร็วๆนี้ ปีเตอร์เลยอยากจะเข้าสู่ทีมอเวนเจอร์เพื่อยืมมือชีลด์มาลากหางตัวร้ายนั่นออกมาซะให้ได้....

ห๊ะ..............เรื่องนี้ชั้นรู้ตัวการหรอกนะว่าเป็นใครแต่ด้วยจริยธรรมของตัวละครทำให้ชั้นไม่ยอมบอกหรอกนะว่าตัวร้ายตัวนี้มันคือ.......อุ๊บ นี่มาปิดปากชั้นทำไมเนี่ยยัยคนเขียน

......................................

เวดคิดแล้วกลบเกลื่อนด้วยการโดดเกาะคอเด็กหนุ่มจนโดนซัดเปรี้ยงกลับมาอีกครั้ง ปีเตอร์ท่าทางจะกลับมาตั้งสติคิดวางแผนต่อได้แล้ว

ตอนนี้ที่เขาต้องการคืออำนาจในการสืบค้นหาข้อมูลแนวลับที่แค่กุกเกิ้ลช่วยเขาไม่ได้ เขาต้องการเข้าไปใช้องค์กรอย่างชีลด์ที่มีข้อมูลปกปิดที่คงจะตามหาตัวการร้ายทีทำลายครอบครัวเขาได้ไม่ยาก

ซึ่งหากเขายังไม่ได้เข้าไปอยู่ร่วมทีมในนั้นก็คงไม่อาจทำได้ ต้องสืบหาแบบงูๆปลาๆต่อตามประสาเด็กอายุสิบสี่สิบห้า

หรือไม่เขาก็ควรจะไปสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟน้ำในชีลด์ไม่ก็ไปเกาะแข้งเกาะขาขอร้องโคลสันแทนซะดีมั้ย ปีเตอร์คิดขำๆอย่างเศร้าใจ ที่เขาสิ้นทางขนาดที่ว่าต่อให้จะต้องไปนั่งคุกเข่าขอเป็นลูกศิษย์ฟิวรี่ก็ยังได้(แม้ว่าเขาจะโคตรเกลียดลุงตาเดียวนั่นก็ตาม)

เดี๋ยวสิ ขอเป็นลูกศิษย์......ขอเป็นลูก งั้นเหรอ..... ใบหน้าใสผุดยิ้มเบากับแผนทางด่วนที่ผุดขึ้นมาได้แบบปุบปับ แผนที่ปีเตอร์ผู้ถนัดนักกับการทำตัวน่ารักน่าเลี้ยงทำได้คนเดียวซะด้วย

......................................

ในขณะเดียวกันกับที่คู่รักคู่หูฮีโร่หลักของอเวนเจอร์ กัปตันอเมริกาและไอรอนแมนที่ถูกเรียกตัวมาชีลด์เพื่อรับฟังเรื่องการโอนตัวนักโทษ......อ่า นักเรียนในปกครองของสตีฟทั้งสองคนคือเวดวิลสัน เดดพูลและปีเตอร์ พาร์เกอร์ สไปเดอร์แมนที่ถูกนำไปฝากเลี้ยงไว้ที่สตาร์คทาวเวอร์กลับมาให้อยู่ในปกครองของหน่วยชีลด์

โทนี่ยิ้มแย้มจนหน้าบานเมื่อได้รู้ว่าเจ้าตัวก้างชิ้นใหญ่จะได้ออกไปจากการขวางฮันนีมูนย้อนหลังของเขาซะที แต่ก็ต้องกรอกตาเมื่อหันมาพบกัปตันทำหน้าขรึมเมื่อได้อ่านข้อมูลในไฟล์เพิ่มเติม

"ฟิวรี่ นี่หมายความว่าคุณจะเอาปีเตอร์และวิลสันไปเข้าคอร์สอบรมเจ้าหน้าที่ชีลด์ทั้งๆที่เขาสองคนเพิ่งอายุสิบสี่เนี่ยนะ"  สตีฟถาม

"ปีเตอร์น่ะใช่แต่ว่า ไอ้เจ้าเวดน่ะน่าจะอายุเท่าๆคุณได้มั้ง" ฟิวรี่ขมวดคิ้วแล้วบอกด้วยเสียงขรึม "แล้วก็ชั้นไม่ได้บอกว่าทั้งสองคนจะได้เป็นจนท.ชีลด์ในเร็วๆนี้ซะหน่อย"

โทนี่อธิบายเสริมให้คุณปู่คนดีเข้าใจอย่างง่ายๆ

"มันก็เป็นแค่การจับตัวมีปัญหาเข้าโรงเรียนประจำระยะยาวนั่นล่ะ สตีฟ จบออกมาสองคนนั้นอาจต้องกลายเป็นเอเจนต์หุ่นยนต์แบบโคลสันก็ว่าได้" อัจฉริยะ เพลย์บอยมหาเศรษฐียักคิ้วให้เอเจนต์แฟนบอยที่มองมาด้วยตาเขียวปั้ด

"ต...แต่ ปีเตอร์ยังเป็นเด็กที่ควรจะได้รับการศึกษาแบบปกติธรรมดาตามที่เด็กชาวอเมริกันควรได้รับนะครับ" สตีฟว่า

"เฮ้  นายคงลืมไปว่า เด็กพวกนี้พากันมาถล่มชีลด์เล่นเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา แล้วยังเป็นสองคนในรายชื่อที่ชั้นต้องจับตามองอยู่นะกัปตัน" ฟิวรี่ขยิบตาข้างเดียวที่เหลือใส่ "แต่ถ้านายจะรับไปดูแลเองก็อีกเรื่อง"

โทนี่สะดุ้งเฮือกกับสายตาของสตีฟที่จ้องมองมาด้วยในใจคิดว่า อย่านะ อย่านะ อย่า ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ไม่ใช่ลูกแมวลูกหมาที่คุณปู่จะพาเข้าบ้านมาอย่างทุกทีอีกนะ ไม่ไม่ไม่ไม่

"โทนี่........ผมว่าเราควรจะให้ปีเตอร์อยู่กับเราอีกซักพักนะ" กัปตันอเมริกาอ้อนวอนด้วยแววตาลูกหมาตัวน้อย

ซึ่งโทนี่ได้แต่กรีดร้องในใจว่า โน้ววววววววววววววววววววว แล้วหันหน้าหนีแววตาระยิบระยับที่สตีฟทำให้เขายอมแพ้ซะทุกที

......................................

ยังไม่ทันถึงมื้อเย็นทั้งสองคนก็กลับมาด้วยการไม่มองหน้าของอีกฝ่าย ปีเตอร์มองหน้าเมินๆของโทนี่ทางซ้ายแล้วย้ายมามองหน้าเจื่อนๆของสตีฟทางขวา กัปตันอเมริกาที่สีหน้าเหมือนครูที่กำลังจะแจ้งให้เด็กรู้ว่าตนสอบตกก็ทำท่าอ้ำๆอึ้งๆก่อนเอ่ยปาก

"ปีเตอร์ คือว่าปลายสัปดาห์หน้านายอาจจะต้องไปอยู่ที่ชีลด์แทนแล้วนะ" คุณปู่กล่าวเสียงเบาอย่างลังเล

ปีเตอร์แกล้งทำแก้วในมือตกแตกดังเพล้งแล้วยิ้มฝืนๆให้ "ครับ ผมรับทราบแล้วครับ" เขาทำเสียงพร่าทรมาณใจพร้อมมองสตีฟด้วยแววตาหมองเศร้า ก้มลงเก็บเศษแก้วที่พื้นช้าๆเมื่อคุณกัปตันแสนดีพุ่งเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง

"ถึงผมจะมีความสุขมากๆที่ได้อยู่ที่นี่แต่ว่ามันก็ถึงเวลาที่ผมจะต้องออกไปแล้วใช่ไหมครับ" เด็กหนุ่มยิ้มเจื่อนๆก่อนเล่นบทเศร้าต่อ

"ขอบคุณคุณทั้งสองคนนะครับ ที่ทำให้เด็กกำพร้าอย่างผมได้มีที่ๆผมรู้สึกเหมือนเป็นบ้านซักครั้งหนึ่งในชีวิต ก่อนที่ผมจะต้องกลับไปที่ชีลด์อีกครั้ง" ร่างผอมบางแกล้งทำตัวสั่นไหวเมื่อนึกถึงการเข้าไปอยู่โรงเรียนประจำยี่ห้อชีลด์

"แต่ถ้าอย่างไรตอนสุดท้ายนี้ ผมขอเรียกคุณสตีฟว่าคุณพ่อเพื่อเป็นความทรงจำได้มั้ยครับ" ปีเตอร์เงยหน้าขึ้นด้วยดวงตากลมโตน้ำตาคลอที่ทำเอากัปตันถึงขั้นคริติคัลดาเมจ

สตีฟ โรเจอร์ทำสายตามุ่งมั่นกับการตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยว ก่อนพูดคำที่ทำให้ปีเตอร์ยิ้มร่าในใจและโทนี่อ้าปากเหวอ

"มาเป็นลูกบ้านนี้เถอะนะ......ไอ้ลูกชาย"

โทนี่ สตาร์คที่อยู่ดีๆก็กลายเป็นคุณแม่คุณพ่อได้แต่ยืนแข็งก่อนที่จะถูกสตีฟลากเข้าห้องไปเจรจาข้อตกลง

ไม่ไม่ไม่ไม่ เขาไม่อยากมีลูก ยิ่งลูกที่ไม่ใช่ลูกแมวลูกหมา ลูกที่เป็นไอ้เด็กบ้าอายุสิบสี่ที่ติดสามีเขาอย่างกับอึปลาทอง ไม่ไม่ไม่ม่ายยยยยยยย

.
.
.

แต่อย่างไรก็ตามวันต่อมาตอนบ่าย โทนี่ สตาร์ค ไอรอนแมน กับ สตีฟ โรเจอร์กัปตันอเมริกา ก็ได้จดทะเบียนรับลูกบุญธรรมชื่อว่า ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ และกลายมาเป็นหัวข้อฮอตที่สุดบนทุกสื่อข่าวสารจนได้

TBC.

///////////////////////////////////////////////////////////////

 “That was the plan”//ทำหน้าแบบโลกิ


ตอนนี้มาด้วยความงงๆก่งก๊ง แบบว่าช่วงนี้จขบ.เขียนแบบฮาๆไม่เครียดไม่Angst ไม่ออกแฮะ//ทรุด

ปอลอ ทอล์คน้อยๆก่อนหนีหน้าหายหัวไปซักพักเพราะเรื่องชีวิตและเรื่องงานนะจ๊ะเบบี๋ย์ อะฮึกๆ

ปอลอ สอง พยายามจะเวด/ปีเตอร์ แต่ทำไมอ่านแล้วออกมาปีเตอร์/เวดฟระ!!!


อาห์ การได้เขียนฉากปีเตอร์ยันเดเระใส่เวดช่างสุขใจ//ผิดส์

///////////////////////////////////////////////////////////////
ฝากเพจSuperhusbands  SteveXTony ตามเคย

ไปทำtumblr มาด้วย 555 เอาไว้สกรีมตีฟต๊ากต๊ากตีฟเฉพาะกิจ ว่างๆก็ไปฟอลโล่กันได้นะ เลิฟๆ
http://stonyxcapiron.tumblr.com/

2 ความคิดเห็น:

  1. ต่อเถอะค่ะ พลีสสสสสสสสสสสสสสสสสสส

    ตอบลบ
  2. ห๊ะ!!! ปีเตอร์แบบนี้ไมอ๊าวววว!! สงสารป๋าอย่างแรง 😂😂😂

    ตอบลบ