วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556

(Tangled Loops:5+FanArt) Lodged #2-LAST(thorki,tonysteve)

คืบคลานมาแปะฟิกตอนสุดท้ายของซีรีย์นี้แว้วววว
พาร์ทนี้เน้นหนักน้องพี่ล้วนๆ รับชมกันได้เลยจ้ะเบบี๋ย์ ♥


ป๋า//มันกะจบAngstให้สะใจความซาดิสต์ของจขบ.อีกแล้วเรอะะะะ


ดราม่าสี่เศร้าเคล้าน้ำตา(?) สี่คู่ Tony/Loki,Tony/Steve,Thor/Loki,Thor/Steve

 ปอลอ NC17 เรตนิดนึงนะจ๊ะ//ตอนนี้น่าจะเรต21 ขอตัวอักษรสีอ่อนอำพรางเล็กน้อยยยยยย

ตอนเก่าๆจ้ะ
Tangled Loops : Prologue
Tangled Loops : 1 : Lust
Tangled Loops : 2 : Love?
Tangled Loops : 3 : LOST
Tangled Loops : 4 : Lodged#1

///////////////////////////////////////////////////////////////

Title :Tangled Loops-4 : Lodged #2-LAST

Rate : NC17

Genre : Drama/Romance/sad

Pairing: Tony/Loki,Tony/Steve,Thor/Loki,Thor/

Vers: Avengers Movie vers.+Comic หน่อยๆ

///////////////////////////////////////


Last Lodged

บางครั้งด้ายที่พันกันเกินไปจนแกะไม่ออก หนทางสุดท้ายที่เหลือคงมีเพียงตัดมันทิ้งเพียงเท่านั้น



ภายในความมืดดำของบรรยากาศรอบตัว เสียงดังประทุของระเบิด เสียงกระสุนบาดผ่านอากาศ  และเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นหวิวแว่วจากทิศทางใดก็ไม่อาจทราบได้ รู้เพียงว่าเสียงเหล่านั้นวนเวียนรอบตัวเขา เหมือนกับคลื่นน้ำที่หมุนพันรอบตัว ฉุดเขาให้จมลงไปใต้ผืนน้ำแข็งเยียบเย็น

สมองรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่หนักหนา...........กดทับไว้จบเจ็บปวด อะไรบางอย่างที่คล้ายกับความเสียใจ สูญเสีย อะไรบางอย่างที่เขาอยากจะลืม.........แต่ก็จำไม่ได้ว่ามันคืออะไร เขาได้เพียงหยุดนิ่ง หลับตา และดำดิ่งลงไป..................

จริงอยู่ที่ว่าบางครั้งในห้วงความมืดมิดนี้จะมีแสงส่องลอดเข้ามา เหมือนจะดึงเขาให้ไปที่ไหนซักแห่งที่อบอุ่นและสว่างไสว แต่มันกลับทำให้เขากลัว

มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาไม่อยากไปจากที่นี่..........เหมือนกับว่าหากลืมตาขึ้นเขาจะเจอกับความเจ็บปวดที่หนักหนายิ่งกว่านี้...............

แม้จะมีเสียงอ่อนโยนร้องเรียกเขาอย่างแผ่วเบามาจากทางปลายทางแสงนั้นก็ตาม

"สตีฟ.................ได้โปรด................ตื่นขึ้นมาเถอะ"

ก่อนที่เขาจะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แล่นผ่านริมฝีปากและแผ่ล้อมไปรอบกาย ความอบอุ่นที่คุ้นเคย.....ที่เขาโหยหา..................

แต่ก็เป็นความอบอุ่นแสนเศร้าบาดลึกเข้าไปในอก อึดอัดและขมขื่น.................ความอบอุ่นที่เขาอยากลืม

....................................

"เจ้าพูดอะไรออกมา โลกิ"

เสียงของธอร์ โอดินซันปกติหนักแน่นและกร้าวแกร่ง ครานี้กลับแฝงไปด้วยความหวั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด แววตาสีฟ้าวูบไหวจ้องมองชายร่างสูงบางตรงหน้าอย่างไม่วางตา เมื่อเจ้าของดวงตาสีเขียวนั้นถอนริมฝีปากบางนุ่มของตนออกไป

"ข้ารู้ทุกอย่าง.......พี่ชายข้า"


โลกิ ลอฟฟีย์ซัน เลียริมฝีปากเปียกชุ่มจากจูบร้อนรุ่มเมื่อครู่ด้วยแววตาวาววาม เมื่อได้เห็นเปลวเพลิงปรารถนาในดวงตาสีฟ้านั่น เปลวเพลิงที่ธอร์พยายามดับมันแต่โลกิอยากเติมเชื้อให้ลุกไหม้

"โกหก ข้าไม่ได้คิดกับเจ้าเช่นนั้น"


เทพสายฟ้าขึ้นเสียงดังเพื่อปิดซ่อนความหวั่นไหว บังคับตัวเองให้ละสายตาจากใบหน้าของผู้เป็นน้องชาย

"แล้วกับมนุษย์ผมทองนั้นท่านคิดว่าคือความรักหรือ?" เสียงหวานร่ายคำยั่วเย้าต่อ

"หุบปาก โลกิ" ธอร์กล่าวเสียงสั่น เขาไม่อยากรู้ว่าความรู้สึกที่ไม่แน่ใจว่าคือสิ่งใด ที่เขาใช้รั้งกายสตีฟมาเป็นของตน ฉุดดึงสหายรักเข้าสู่วังวนความแค้นของเขากับโลกิ และทำให้กัปตันอเมริกาต้องหลับไหลไม่รู้วันตื่น

 เขาไม่อยากแน่ใจว่ามันไม่ใช่ความรัก.............และเป็นเพียงการกลบซ่อนสิ่งที่เขามีต่อน้องชายคนนี้เท่านั้น

"ความอ่อนโยนจอมปลอมที่ท่านมอบให้พ่อเทวดานั่นเพื่อปิดบังสิ่งที่มีต่อข้า..............ข้าเห็นมัน ธอร์"

"ข้าเห็นมันในตัวท่าน เปลวไฟในดวงตาที่ท่านบอกตัวเองว่ามันคือความเคียดแค้น แต่สำหรับข้ามันคือความปรารถนาที่จะกลืนกิน................ท่านต้องการข้า.........พี่ชาย"

"ข้าบอกให้หุบปาก โลกิ" เทพสายฟ้าระเบิดเสียงด้วยความกราดเกรี้ยว สายฟ้าที่เรียกมาอย่างไม่รู้ตัวด้วยแรงแค้นแล่นแปลบปลาบพุ่งผ่านอุปกรณ์จักรกลในห้องจนเสียหายไม่มีดี

ใช่.................เจ้าพูดถูกทุกอย่าง  ความรู้สึกที่ข้าพยายามปิดซ่อนจากตนเอง ข้าหลงรักน้องชายตนเอง หลงรักตัวอันตรายของเก้าโลก และหลงรักศัตรูตัวร้ายที่ทำลายสิ่งสำคัญในชีวิตข้าจนย่อยยับ

ปรารถนาจะครอบครองจนหน้ามืด ตามไล่ล่าหาอย่างบ้าคลั่งหลังจากต้องจากไป โดยซ่อนมันไว้ด่วยความรู้สึกที่เรียกว่า "ความเคียดแค้น"

ก่อนที่ห้วงความคิดจะถูกกั้นขวาง ด้วยสัมผัสได้ถึงผิวกายเย็นเยียบของชายผมดำเบื้องหน้า ที่ตอนนี้กำลังใช้มือและขาเรียวบางกอดเกี่ยวร่างใหญ่เอาไว้

เครื่องจักรกลที่เคยพันธนาการโลกิ เมื่อโดนกระแสสายฟ้าพุ่งผ่านวงจรภายในก็ไม่ต่างจากเศษเหล็กไร้ราคา ที่เทพมุสาจะทำลายและปลดออกได้โดยรวดเร็ว

"ท่านหลงกลข้าอีกแล้วนะ......ท่านพี่" ริมฝีปากบางแตะที่ปลายคางหนาอย่างบางเบา นิ้วเรียวขาวลูบไล้แผงอกกว้างราวยั่วหยอก

ดวงตาสีฟ้าสบมองดวงตาสีเขียวตรงหน้า ที่ฉายแววเปลวเพลิงความปรารถนาออกมาอย่างปิดไม่มิด และสังเกตเห็นว่าเปลวเพลิงสีเขียวนั่นก็ลุกโชนไม่แพ้กัน

"ใช่............ข้าหลงกลเจ้า..............อีกครั้ง...........และทุกครั้ง"


ธอร์กล่าวรอดไรฟันยอมรับความจริงอย่างพ่ายแพ้ ก่อนจะโน้มตัวบดเบียดริมฝีปากรุนแรงแก่ร่างบางเบื้องหน้า

ริมฝีปากบางนุ่มเผยอตอบเสียงครือคราอย่างพอใจ ก่อนไล้ลิ้นไล่พัวพันอย่างโหยหาและเร่าร้อน รสจูบเยียบเย็นจากโลกิคล้ายเป็นยาพิษแสนหวานที่แทรกซึมและทำให้คลุ้มคลั่ง

ความร้อนรุมจากโทสะและความเคียดแค้นที่เทพสายฟ้ามีพลันวูบหาย เหลือเพียงแค่เปลวไฟปรารถนากลืนกินร่างเบื้องหน้าที่ลุกโชน

มือใหญ่หนาฉีกดึงอาภรณ์สีเข้มจากร่างบางราวไม่อาจทนรอ โลกิ ลอฟเฟย์ซันยิ้มยั่วพราวก่อนจะฉุดกระชากร่างใหญ่เข้าหาอย่างเร่งร้อน

เปลวเพลิงที่ร้อนจัดและเย็นเฉียบ เผาผลาญร่างสองร่างเปล่าเปลือยที่กอดรัดกันแน่น กามารมณ์ที่พุ่งพล่านอัดแน่นราวจะระเบิดออกมา นิ้วเรียวบางขยับเข้าเกาะกุมเรื่อยช้าก่อนสัมผัสเร่งเร้า

ธอร์กัดฟันกลั้นหายใจ เมื่อเรือนร่างขาวนวลคร่อมกายลงครอบครอง รุนแรง เร่าร้อนด้วยขยับเคลื่อนไหว แววตาสีเขียวส่องประกายร้อนแรงหรี่พร่าด้วยความรัญจวน

ห้วงความคิดที่ลุกใหม้ด้วยเปลวเพลิงสีฟ้าเขียวเอ่ยถามความรู้สึกที่เขาอยากรู้เพื่อให้แน่ใจ

"เจ้ารักข้าหรือเปล่า"

ใบหน้าขาวผ่องงดงามมัวหม่นด้วยเพลิงกามาแววตาวูบไหว แล้วแย้มริมฝีปากบางนุ่มนั้นยิ้มยั่ว

"ข้าเกลียดท่าน ธอร์"

 เสียงนุ่มหวานร่ายคำลวง บดเบียดสะโพกเข้าเสียดสีแทนคำตอบที่จริงแท้

"ถ้าข้าบอกรักเจ้าและบอกให้เจ้าไม่หนีไป เจ้าจะทำมั้ย"

เทพสายฟ้ากล่าวเสียงแหบพร่าด้วยความรุ่มร้อนภายใน

"เช่นเดียวกับที่ว่า ถ้าข้าบอกรักท่าน แล้วท่านจะเชื่อหรือ"

เทพมุสากล่าวกลับด้วยลมหายใจหอบกระสันไม่ต่างกัน

เสียงหายใจหอบกระชั้นที่สอดประสานเสียงกระทบกาย โลกิ ลอฟเฟย์ซันคำนึงในใจด้วยห้วงความคิดที่พร่ามัว

ข้าคือเทพมุสา ธอร์..............ข้ามิเคยพูดความจริงในใจข้า

ว่าข้ารักท่าน.................อาจจะมากกว่าที่ท่านรักข้า

แต่ความรักของข้ามิใช่สิ่งที่ท่านจะเข้าใจได้ เช่นเดียวกันกับตัวข้า

ปลายเล็บเรียวกรีดจิกแผ่นหลังหนาแกร่งด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ปลุกปั่นให้ความร้อนร่านเบื้องล่างถึงขีดสุด

ท่านเป็นของข้า ธอร์ จงจดจำข้าไว้ในใจราวรอยแผลที่กรีดบาดลึกไร้ทางหาย ทุกอนูร่างกายและจิตใจเป็นของข้า นึกถึงแต่ข้า เสียงของข้า ใบหน้าของข้า เรือนร่างของข้า ท่านจะถูกล่ามโซ่ไว้โดยข้า และจะไม่มีวันได้รับอิสระตลอดกาล

นั่นคือความรักที่ข้าต้องการจากท่าน ธอร์ โอดีนซัน หากไม่ได้ทุกสิ่งข้าก็ไม่ต้องการทุกอย่าง

หากไม่ได้ความรักของท่าน ข้าก็ต้องทรมานให้ท่านเคียดแค้นจนหมดหัวใจ

ก่อนที่เปลวเพลิงเผาผลาญอารมณ์ที่พวยพล่านจะสงบลง............ร่างกายใหญ่กอดรัดร่างบางไว้แนบแน่นจนสัมผัสได้ทุกจังหวะเต้นของหัวใจ

"ข้ารักเจ้า..........โลกิ" ธอร์กล่าวอย่างไร้ซึ่งการขัดขืนใจตน ด้วยเสียงทุ้มต่ำแน่วแน่

หัวใจด้านชาของโลกิวูบไหว..........ที่อกอบอุ่นจนเจ็บปวดราวกับจะร่ำไห้...........แต่เทพมุสาก็มิได้แสดงปฏิกิริยาใดออกมา

"ข้าจะขอให้ท่านพ่ออภัยโทษให้เจ้า.......กลับแอสการ์ดกันเถิด กลับบ้านเรา" เทพสายฟ้ากล่าวเสียงเบาก่อนจะหรุบตาลงซบไหล่ร่างบางแล้วหลับไหล

ชายร่างบางแย้มยิ้มให้กับร่างใหญ่ที่กอดก่ายด้วยรอยยิ้มจริงใจอย่างที่ไม่เคยเป็น ก่อนจะสะดุ้งจนตัวเกร็งจากความปวดแปลบในสมอง

"หากเจ้าพ่าย จะไม่มีแดนใด ดาวดวงไหน หรือซอกหลืบใดให้เจ้าได้หลบซ่อน และความร้าวรานที่เจ้ารู้จักจะเปลี่ยนเป็นความหอมหวานเมื่อเทียบกับโทษที่เจ้าจะได้เจอ"

ความรักที่ต้องการมาตลอดได้มาอยู่ในมือแล้ว แต่ใยความมืดดำในจิตใจยังคงอยู่...........

โลกิ ลอฟฟีย์ซัน หัวเราะเบาบางให้กับตัวเองด้วยสมองที่ปวดร้าว

ไม่ใช่เพียงท่านที่ถูกข้าล่ามโซ่ไว้.............ข้าก็ถูกพันธนาการไว้โดยบางสิ่งเช่นกัน

.........................

เช้าตรู่ที่อากาศสดใส ท้องฟ้าใต้นครนิวยอร์คปลอดโปร่งโล่งสว่าง วันนี้ดวงดาวสีฟ้าชื่อว่าโลกก็ได้เวลาที่ต้องลาจากพี่น้องชาวแอสการ์ดสองคนที่จะกลับสู่ถิ่นพำนักเดิมของตนเอง

จุดเริ่มเดินทางคือที่เดิมกับในตอนแรก สวนสาธารณะที่ในครานี้มีเพียงเจ้าหน้าที่ไม่กี่คนที่คอยมาคุมความปลอดภัยและป้องกันการลอบสังหารนักโทษต่างมิติอย่างโลกิ ความเสียหายซ้ำสองที่เขาก่อไว้ทำให้คราวนี้ไม่มีใครอยากจะมาร่วมส่งตัว

แต่น่าแปลกที่คราวนี้ กลับมีบุคคลที่น่าจะเกลียดชังโลกิ ลอฟเฟย์ซันอย่างออกนอกหน้าอย่างที่สุดมาร่วมส่งด้วย

โทนี่ สตาร์ค ฮีโร่มหาเศรษฐีที่แต่งกายด้วยสูทหรูดูดีจนมองไม่ออกถึงสภาพร่างกายอิดโรยจากอาการป่วยและทรุดโทรมจากการเฝ้าดูแลใครคนหนึ่งอย่างไม่วางตา สตีฟ โรเจอร์ กัปตันอเมริกา ที่ยังคงนอนหลับไหล

ร่างล่ำสันเดินพุ่งตรงเข้าไปหาเทพสายฟ้าร่างใหญ่อย่างไม่สนใจรอบข้าง ดวงตาสีน้ำตาลแวววามเข้มโรจน์.......ซึ่งอันที่จริงเขาคงไม่ได้มาเพื่อการลาจากพี่น้องคู่นี้แน่

ก่อนที่ใครจะทันได้คาดคิด โทนี่ฟาดหมัดพุ่งเข้าใส่เทพสายฟ้าแบบไม่ทันรู้ตัว แต่ฝ่ายเจ้าชายแห่งแอสการ์ดก็คล้ายจะมิได้ตอบโต้

"ไปแล้วไม่ต้องกลับมาล่ะ  ธอร์" บุรุษเหล็กกล่าวเสียงกร้าวแบบไร้สำเนียงล้อเล่นตามปกติที่มักจะทำ แววตาแข็งกร้าวมองสบดวงตาสีฟ้าเข้มอย่างจริงจัง

ธอร์ โอดินซันจ้องมองตอบด้วยใบหน้าที่มีรอยเลือดซึมมุมปาก เขม้นดวงตาครุ่นคิด แล้วขยับปากหนาราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง

"สตาร์ค....เรื่องระหว่างข้ากับสตี............."


พูดได้เพียงเท่านั้นก็ต้องเงียบเสียง ด้วยว่าถูกตวาดทับด้วยเสียงอันแข็งกร้าว

"ไม่ ต้อง บอก ชั้นไม่อยากรู้" ก่อนที่ชายในชุดสูทจะถลาเข้าคว้าคอเสื้อคนสูงกว่าอย่างโกรธแค้น

"ไม่เคยมีเรื่องอะไรระหว่างนายกับสตีฟ เหมือนกับที่ไม่เคยมีเรื่องอะไรระหว่างนายกับชั้น และเรื่องชั้นกับน้องชายนาย"

โทนี่กล่าวเสียงลอดไรฟันดังเพียงแค่ให้ตนและธอร์รับรู้

"ข้าแค่อยากบอกเจ้าว่า...........ขอโทษ" เทพสายฟ้าผู้ทะนงตนเอ่ยคำอย่างสำนึกผิดเป็นคราที่สอง แล้วกล่าวต่อเสียงเบาบาง

"และที่สำคัญ แม้เรื่องนั้นจะเกิดขึ้น แต่สตีฟนั้นรักแต่เจ้า..........."

มิตรภาพที่ควรจบเพียงแค่การปลอบประโลมความเจ็บช้ำ ต้องเปลี่ยนเป็นความสัมพันธ์แสนเศร้าเพราะความหวั่นไหวของข้าเอง ร่างสูงใหญ่ก้มหน้าลงด้วยความเศร้าหมอง

โทนี่ได้แต่ยิ่งเงียบด้วยอาการข่มกลั้น..........แม้เขาจะรู้ความจริงทั้งหมดนั้นแต่ก็อดแค้นเคืองไม่ได้

เคืองแค้นทั้งตนและบุคคลรอบกายที่ทำให้ปัญหาพัวพันวุ่นวายจนแก้ไขไม่ได้เช่นนี้

ก่อนที่เสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่จะดังขึ้นมาขัดจังหวะ โทนี่กดรับอย่างหงุดหงิด ก่อนจะนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ แล้วหลุดคำออกมาอย่างไม่เชื่อหูตนเองว่า

"จริงเหรอ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้"

โดยที่ไม่ได้บอกลาสิ่งใด ชายในชุดสูทก็พุ่งตัวขึ้นรถขับกลับไปโดยไม่มีแม้คำจากลา ซึ่งอาจจะเป็นปกติของตัวเขาก็เป็นได้ ธอร์คิด ก่อนหันมาเผชิญหน้ากับชายร่างสูงเบื้องหน้าด้วยแววตาอ่อนโยน

"กลับบ้านกันเถอะ โลกิ"

ก่อนจะสังเกตว่าแววตาสีเขียวเบื้องหน้าฉายแววเจ็บปวดเล็กน้อย แค่เพียงเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนกลับมาเป็นสีหน้ายิ้มเหยียดหยันแบบที่เจ้าตัวชอบทำ

"นั่นสิ กลับไป"บ้านท่าน"กันเถอะ"

โลกิกล่าวเสียงหวานก่อนจะเอื้อมมือมาจับผลึกแทซซาแรคต์ ตั๋วเดินทางกลับบ้านของพวกเขาที่ถูกหน่วยชีลต์ยึดไปวิจัยเป็นสิ่งทดแทนที่พวกเขาชาวแอสการ์ดได้ลงมาทำให้โลกนี้ปั่นป่วนถึงสองครั้งสองครา

แต่ในที่สุดสมบัติแห่งราชาโอดินก็ต้องคืนถิ่น ทั้งผลึกสีน้ำเงิน รัชทายาท และนักโทษประหาร

แล้วแสงสีฟ้าสว่างวาบที่สาดส่องสู่ท้องฟ้าสูงลิบนำพาร่างชายชาวแอสการ์เดียนสองร่างให้หายวับไปจากพื้นโลก ไปล่องลอยอยู่ในช่องว่างระหว่างมิติอวกาศ

ในช่วงเวลาชั่วครู่ของวูบแสงที่เดินทางธอร์ยิ้มอบอุ่นราวต้องการต้อนรับน้องชายแสนรักกลับเยือนบ้าน ที่คราวนี้เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ราชาอภัยโทษให้ โลกิ ลอฟฟีย์ซันยิ้มตอบกลับด้วยรอยยิ้มใสสดที่สุดเท่าที่ธอร์เคยเห็นมา

ก่อนจะปล่อยมือเรียวบางที่เกี่ยวเกาะกล่องแก้วลูกบาศก์นั้นออกไป

ผลึกสีฟ้าส่องแสงวูบวาบด้วยความไม่เสถียร มือหนาที่ยื่นไปคว้าร่างของโลกิไว้แต่สัมผัสไม่ได้ทำให้ธอร์คลุ้มคลั่ง ต้องตะโกนเสียงแหบพร่าด้วยความตื่นตระหนก

"โลกิ เจ้าทำอะไร"ดวงตาสีฟ้ามองสบดวงตาสีเขียวที่กำลังจะเลือนลางจางหายไปกับแสงสีเจิดจ้าที่ปกคลุมรอบตัว

""ท่านหลงกลข้าอีกแล้วนะ......ท่านพี่..........ความรักของท่านช่วยข้าไม่ได้" เทพมุสาเหยียดยิ้มบางที่ดูแล้วเหมือนจะร่ำไห้ ก่อนจะทิ้งตัวปล่อยกายให้วูบหายไปกับแสงจ้า ทิ้งไว้เพียงประโยคสุดท้ายว่า

"ในการต่อสู้ครั้งหน้า............ข้าอาจไม่รู้จักท่านแล้วก็เป็นได้"

ธอร์ เทพสายฟ้าร่ำร้องด้วยความปวดร้าวเมื่อคว้าได้เพียงความว่างเปล่า เมื่อปลายเท้าอ่อนล้าทรุดลงบนผืนดินแอสการ์ด

..........................

"กัปตันอเมริกาฟื้นแล้ว" ฟิวรี่แจ้งกับเขาสั้นๆผ่านทางโทรศัพท์เมื่อครู่ แค่นั้นก็ทำให้เขาแทบจะพุ่งถลากลับมาที่เรือนพยาบาลของชีลด์อย่างเร่งรีบจนไม่ได้สนใจฟังสิ่งที่ฟิวรี่พูดประโยคต่อมาเลยซักนิด

จิตใจของเขามุ่งหน้าไปไวกว่าตัวหลายเท่าจนอยากจะเรียกชุดสูทไอรอนแมนมาสวมแล้วเหาะไปหา

สตีฟฟื้นแล้ว ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณผีสางเทวดาหรืออะไรก็ตามที่เขาได้สวดมนต์อ้อนวอนเอาไว้ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวังนั้น

เขาจะได้เห็นแววตาสีฟ้าใสที่จ้องมองเขานั่นอีกครั้ง จะได้ยินเสียงนุ่มที่เขาคิดถึง แม้ว่าจะเป็นคำบ่นก่นด่าอะไรซักอย่างแต่ตอนนี้สำหรับเขาแล้วมันคือเสียงที่เขาอยากได้ยินมากกว่าสิ่งใด

แต่ก็ต้องแปลกใจกับสภาพตึกพยาบาลที่ดูยับเยินราวกับเกิดการจลาจลอะไรซักอย่างขึ้น เขาสอดส่ายสายตามองไปทางห้องพักที่เคยเป็นของสตีฟที่ตอนนี้กำแพงกระจกกั้นห้องแตกกระจายลงมาเกลื่อนพื้นห้อง

ก่อนที่เขาจะตั้งสติได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงเอะอะโครมครามก็ดังมาจากห้องพักโซนภายนอก พร้อมกับร่างของชายผิวดำตาเดียวที่มาสัมผัสไหล่เขาจากทางเบื้องหลัง

"ฟิวรี่ นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น ส....สตีฟเป็นอะไร เขาไปไหน......" ก่อนที่คำถามที่พรั่งพูออกมาด้วยความตื่นตระหนกของโทนี่จะสิ้นสุด ฟิวรี่ก็กล่าวด้วยเสียงเรียบขรึมว่า

"สตีฟ โรเจอร์ กัปตันอเมริกาตื่นขึ้นมาแล้ว.............และจำอะไรไม่ได้เลย"

"ความทรงจำของเขากลับไปสู่ช่วง70ปีที่แล้วที่เขาเพิ่งตื่นในครั้งแรก เขาอาละวาดอย่างหนักกว่าที่เราคิดไว้ ตอนนี้เราให้ยากล่อมประสาทและพาไปไว้ในห้องพักรับรองอีกห้องแล้ว"

"ไม่จริงน่า....มันจะเป็นไปได้ยังไง ชั้นต้องพบสตีฟ " โทนี่พุ่งตัวเข้าไปให้ห้องสีขาวสว่างเร็วกว่าที่ใครจะห้ามทัน เมื่อได้รู้ว่าชายคนรักของเขานั้นอยู่ที่ไหน

ร่างสูงที่นอนเหยียดยาวบนเตียงหรี่ตาปรือมองมาทางเขาอย่างประหลาดใจ

วูบแรกแววตาที่มองเขาดูตื่นตระหนก ก่อนที่ดวงตาสีฟ้าใสจะจ้องมองใบหน้าของเขาอย่างสงสัยและผุดยิ้มออกมาเหมือนเวลาเราค้นหาอะไรบางอย่างเจอ

เหมือนจะจดจะเค้าหน้าของบุคคลนั้นได้................ใช่ สตีฟต้องจำเขาได้ โทนี่คิด

ใบหน้าอ่อนเยาว์งดงามแย้มยิ้มสว่างใสก่อนจะเอื้อนเอ่ยเสียงที่เขาแสนคิดถึง

"โฮเวิร์ด......โฮเวิร์ดใช่มั้ย?"
.
.
.
.

คล้ายกับว่าโลกทั้งโลกหยุดลงแล้วดับวูบ คำพูดของฟิวรี่เมื่อครู่ก็ลอยวนเวียนในโสตประสาท

"จากการตรวจของแพทย์บอกว่าสมองของสตีฟตื่นขึ้นจากสภาพสมองตายแล้วก็จริงแต่ความทรงจำก่อนหน้านี้ประมาณ1ปีตั้งแต่เขาตื่นขึ้นมาขาดหายไปหมด ทั้งเรื่องที่เขาเป็นอเวนเจอร์ ทั้งเรื่องสงครามกับโลกิ ทั้งเรื่องที่เขาถูกล้างสมองให้จู่โจมชีลด์ด้วย

เหมือนเขาต้องการปิดกั้นความทรงจำช่วงนั้น ความทรงจำที่เขาอยากลืม"

เรื่องทั้งหมดที่ปวดร้าวและอยากลืมเลือน รวมทั้งเรื่องของชั้นด้วยใช่ไหม

ความทรงจำที่เจ็บปวดทั้งหมด ความรักของนายที่ถูกชั้นทำลาย ความรู้สึกผิดที่ต้องทำร้ายผู้บริสุทธิ์ภายใต้การควบคุมจิตใจจากโลกิ ลอฟเฟย์ซัน

นี่คือโทษทัณฑ์ที่ได้รับจากการกระทำที่มีต่อนายใช่ไหม...............การลงโทษด้วยการลืมเลือน

แต่ด้วยดวงตาสีฟ้าเป็นมิตรที่ยิ้มแย้มอยู่ตรงหน้า ที่ดูแล้วช่างงดงามไปด้วยความสุขมากกว่าดวงตาขมขื่นเคลือบน้ำตาเมื่ออยู่กับเขา..........บางทีคงดีกว่าหากเทพยดาของเขาจะไม่ต้องกลับไปเจอกับเรื่องเลวร้าย

ชายหนุ่มในชุดสูทจึงยื่นมือให้บุคคลเบื้องหน้า ความเจ็บปวดถูกปกปิดใต้รอยยิ้มยียวนแบบที่เคยผ่านมา แล้วกล่าวทักทาย

"ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ผมโทนี่ โฮเวิร์ดซัน ยินดีที่ได้รู้จัก คุณสตีฟ โรเจอร์"

โดยที่สัญญากับตัวเองว่าวันเวลาที่เหลืออยู่ของเขาจะไม่พยายามดึงเทวดาองค์นี้ลงมาเจ็บปวดกับเขาอีก



แอนโทนี่ เอ็ดวาร์ด สตาร์ค สุภาพบุรุษเพลย์บอยอัจฉริยะยิ้มให้ สตีฟ โรเจอร์ด้วยรอยยิ้มสดใสที่สุดเท่าที่เขาจะสามารถเสแสร้งได้ในชีวิตนี้ ชีวิตที่อีกไม่นานนักก็คงจะจบสิ้นไปโดยลำพัง อย่างเงียบๆตามที่เขาตั้งใจไว้

END

///////////////////////////////////////

จ.................จบแว้ววววววววว//กรีดร้องงงงงง

เกือบจบไม่ลงเพราะมีบทจบหลายแบบมากในหัว แต่คิดไปคิดมาแบบนี้น่าจะดูแฮปปี้เอนด์ที่สุดแล้ว(เรอะ)

เบบี๋ย์ทั้งหลายฟินาเล่กับพี่น้องมั้ยจ๊ะ จขบ.เขียนไปพลางเอามืออุดจมูก 555

ห๊ะ

ว่าไงนะ

นี่ตีฟจบแค่จูบงั้นเหรอ?

ใช่แล้วล่ะเบบี๋ย์


โดนอีกแล้วววววว

ก็ซีรีย์นี้อยากให้ป๋าได้แค่นี้ล่ะ ไปเก็บตกเอาในฟิกหื่นตอนนี้แทนละกันน

ปอลอ มีใครอยากรีเควสฟิกคู่ไหนบ้างไหมอร่าาาา ตอนนี้พล็อตหมดสต็อกแล้ววว แต่กำลังว่าเล็งๆจะเขียนฟรอสไอรอน ไม่ก็ธอร์ตีฟ(?) ไม่ก็โลกิตีฟ(เฮ้ยยยย) อยู่

จะว่าไป....สตีฟ/ฟีล โคลสันก็ดีเนอะ//ผิดมากกกกก

///////////////////////////////////////

ฝากเพจSuperhusbands  SteveXTony ตามเคย

ไปทำtumblr มาด้วย 555 เอาไว้สกรีมตีฟต๊ากต๊ากตีฟเฉพาะกิจ ว่างๆก็ไปฟอลโล่กันได้นะ เลิฟๆ
http://stonyxcapiron.tumblr.com/

2 ความคิดเห็น:

  1. จบแล้วเหรอ?
    มันจบแล้วววววว กรี๊ดดดดด รู้สึกยังไม่จบอ้ะ!!

    ตอบลบ
  2. อย่าจบแบบนี้!!//เขย่าตัวไรท์

    ตอบลบ