วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556

(Fic+fanart)Bow/Gun/Sceptre(Clint Barton/Phil Coulson/Loki?)

*edit แอบเอารูปแฟนอาร์ตมาแปะเพิ่มล่ะ

วันนี้เรามาพร้อมกับ ShieldHusbands และ  frosthawk สามพี วะ555


โดนป๋าถีบอะเกน ข้อหาเอาแต่ลันล้าไปเขียนคู่อื่น

ไปได้ไอเดียมาจากการไล่ตามน้องเหยี่ยวเข้าไปบล็อคนี้ล่ะ วาดแฟนอาร์ตเจเรมี่ได้น่ารักสุดๆ//เคลิ้มมม
@midsummer
เลยขออนุญาติเอาไอเดียมาปั่นต่อเป็นฟิกโศกสลดให้อ่านกัน
Qoute มาจากบล็อคเจ้าของไอเดียนะจ๊ะ

ถ้าคุณฟิลที่ใครๆก็คิดว่าตายไปแล้ว ยังไม่ตายล่ะ?
เขากลับมา แต่ไม่ใช่ฟิล โคลสันคนเดิม ....
และทีมAvengers กำลังจะได้เผชิญหน้ากับ ฟิล โคลสัน ...คนที่ไม่ใช่ supernanny อีกต่อไปแล้ว?

//คือสมมติซ้ำซ้อนน่ะว่าถ้าเกิดตอนโลกิแทงอกคุณฟิล มันมีเวทมนต์สะกดค้างอยู่ภายในทำให้คุณฟิลกลายเป็นพวกของนุ้งโลกิเข้าแล้วต้องกลับมาเผชิญหน้ากับคลินท์ มันก็คงจะดราม่าสะใจดี5

ช.......ชวอบบบบได้พล็อตดราม่าAngst จัดๆมาเลยต้องจัดไปยยยย//ช่วงนี้เขียนแต่ฮาๆชีวิตเลยโหยหาความโศก//ผิดส์

เนื้อหาของตอนนี้น่าจะมีโยงกับตอน Loki/Clint Barton ที่เขียนไว้ก่อนหน้านี้ ตามไปอ่านนิดนึงก็ดีนะจ๊ะ
Broken wing (Loki/Clint Barton)
ปอลอ เรตนิดๆ

ยังคงสกรีมกับไอ้ช็อตนี้


Loki: You have heart

โล กิ เมะ มากกกกกก//วิ่งหนีแฟนคลับกิเคะ

แล้วก็มาดราม่าน้ำตาท่วมกับสามพี(?)กันดีกว่านะจ๊ะเบบี๋ย์

//////////////////////////////////////////////

Title : Bow/Gun/Sceptre //ชื่อสิ้นคิดยังไงมิรู้ว ตัวแทนของทั้งสามเส้าในเรื่องนี้ก็แทนด้วยอาวุธประจำตัว)

Rate : PG13.......ล่ะ มีแต่น้ำตาเลือดเกาเดาไม่มี//ผิด

Genre : Drama,Angst,Hurt

Pairing: Clint Barton/Phil Coulson/Loki

Vers: Avengers Movie vers.

//////////////////////////////////////////////

Bow/Gun/Sceptre


Bow&Arrow

ความมืด.....ที่มืดมิดยิ่งกว่าการถูกปิดตาในห้องมืด รอบตัวที่ว่างเปล่าราวกับสุญญากาศ  และเงียบงันจนกระทั่งได้ยินแต่เสียงหัวใจของตัวเองเต้น

เขายืนอยู่ภายใต้ความมืดดำไร้จุดจบนั้นด้วยร่างกายเปลือยเปล่า แต่กลับไม่รู้สึกสัมผัสใดๆได้ทั้งร้อนหรือหนาวเย็น

ที่นี่ที่ไหน.......เขาเป็นใคร ข้อความในหัวเป็นเพียงสรรพเสียงเดียวที่เขาได้ยินในตอนนี้ ก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่คืบคลานเข้ามา

สิ่งที่แทรกบรรยากาศมาจากเบื้องหลังเขานั้นดูเป็นสีขาวสว่างตัดกับความมืดมิดรอบข้าง นิ้วมือเพรียวบางแต่แข็งแกร่งเลื้อยไล่เข้ากอดกุมเขาไว้จากทางด้านหลัง แม้เป็นสัมผัสที่หนักหน่วงจนเจ็บแต่เขากลับหันหลังไปมองไม่ได้......เขาทำไม่ได้แม้แต่จะขยับตัว

มือขาวซีดอีกหลายคู่ที่มาพร้อมความเย็นเยียบจนเสียวสันหลังพันธนาการเขาด้วยแรงที่เรียกได้ว่าแทบจะรัดให้ร่างแหลกสลาย เขาอ้าปากจะส่งเสียงแต่กลับไม่มีสิ่งใดหลุดรอดออกมา

พร้อมเสียงนุ่มลึกดังแผ่วมาจากด้านหลังที่ทิ่มแทงเข้ามาในโสตประสาทจนสมองเขาต้องกรีดร้อง

"Barton.......You're mine"

............................................

"ไม่!!!!!"

เสียงร้องแหบห้าวดังขึ้นทำลายความเงียบงันในห้องพักขนาดไม่ใหญ่นักที่มีเพียงแสงจันทร์ส่องผ่านหน้าต่าง ร่างเล็กผุดขึ้นจากเตียงนอนด้วยเหงื่อท่วมตัว ก่อนทรุดตัวลงหอบหายใจแรง

"ฝันนั่นอีกแล้วเรอะ" คลินท์กล่าวกับตัวเองอย่างหัวเสีย สองมือกดลงบนศีรษะหนักๆราวกับต้องการลบภาพที่มองเห็นในฝันร้าย

แม้เวลาจะผ่านจากเหตุการณ์นั้นมาหลายเดือน จนตอนนี้ทุกอย่างเข้าสู่สภาวะปกติอย่างที่ควรเป็น แต่เอเจนต์ คลินท์ บาร์ตัน ก็ยังต้องทรมานกับการฝันเห็นสิ่งเดิมซ้ำๆอยู่บ่อยครั้ง

ไม่สิ บางสิ่ง......บางคนไม่กลับมาอย่างที่ควรเป็น และตัวเขาเองก็ไม่กลับมาเป็นเขาคนเดิม.........คลินท์คิดอย่างปวดร้าว

ราวกับคมปลายหอกที่เสียดแทงเข้ากลางอกทุกครั้งที่เขานึกถึงความเลวร้ายนั้น แม้ว่าที่จริงตอนนั้นเซปเตอร์ของโลกิจะไม่ได้สร้างบาดแผลตรงไหนเลยก็ตาม

หลังจากการถูกควบคุมจิตใจโดยปิศาจ........โลกิ ลอเฟย์ซัน กับการสูญเสียคนบางคนไป.........

โลกของเขาเหมือนสูญหายไป พร้อมคนมากมายที่เขาคร่าชีวิต โลกที่ตอนนี้ดูช่างไม่มั่นคง ราวกับไม่ใช่ความจริง และขาดบางสิ่งซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าคืออะไร

และไม่รู้จะต้องเสียใจอย่างไร หรือที่ไหน เพราะการตายของฟิล โคลสันถูกปิดไว้ให้เป็นความลับ ที่แม้แต่พิธีศพหรือไว้อาลัยก็ยังไม่มีการจัดขึ้น

คลินท์เหม่อมองความมืดมิดในห้องนานเนิ่น จนรู้ตัวว่าตอนนี้เขาคงข่มตาให้หลับลงไม่ได้อีกครั้ง สิ่งที่เขาทำคือการหยิบธนูคู่ใจเดินเข้าไปซ้อมยิงเป้าให้สมองว่างเปล่าเหมือนทุกที

............................................

แต่วันนี้ไม่เหมือนกับทุกวัน ลูกศรอันแล้วอันเล่าที่ดีดผ่านปลายนิ้วของเขาไม่ได้พุ่งเข้าเป้าเลยแม้แต่อันเดียว เขาเป็นอะไรไป คลินท์มองเป้ายิงที่สภาพเรียบกริบเหมือนใหม่อย่างว้าวุ่น วันนี้เขาไม่สามารถดึงสติตัวเองให้กลับสู่สภาวะที่ควรเป็นได้เลย

ศรเหล็กแหลมคมที่สะท้อนมาจากการพลาดเป้าทิ้งตัวลงมาหยุดนิ่งลงที่ปลายเท้าของเขา คลินท์ บาร์ตัน หรือฮอว์คอายส่งสายตาสีฟ้ามองลงที่ลูกธนูบิดเบี้ยวนั้น

นี่น่ะหรือ ฮอว์คอาย นักธนูที่เล็งยิงสิ่งใดแล้วไม่เคยพลาดเป้า

เขาพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายครั้งในตอนนี้ แม้ในภารกิจช่วงที่ผ่านมาเขาดูเหมือนจะทำได้ดีตามปรกติก็เถอะ

แต่สิ่งที่เขารู้เพียงคนเดียว และไม่ยอมรับมันก็คือ การพลาดเป้าในครั้งนั้น

เป้าหมายของธนูหัวระเบิดที่ส่งไปทำลายโลกิ เป้าหมายที่เขาต้องยิงไปให้ปักตรงกลางดวงตาสีเขียวนั่น ถ้าไม่ใช่ว่าปลายลูกธนูของเขาพลาดเป้าและอ่อนแรงลงจนโลกิรับมันไว้ได้

เพราะปลายนิ้วของเขาสั่นไหวเมื่อได้สบตาของเป้าหมายที่ควรจะเป็นเป้าเล็งยิง........ราวกับลูกนกตัวน้อยทีถูกสายตาของงูร้ายสะกดไว้จนตัวสั่น

ด้วยห้วงคำนึงที่สับสนของบาร์ตัน ทำให้เขาลืมตัวก้มตัวลงหยิบธนูอย่างใจลอย

ปลายแหลมบาดแผ่วบางที่ผิวหนัง แต่ด้วยความคมของธนูที่เขาสร้างเองอย่างพิถีพิถันก็ทำให้เลือดสีเข้มไหลรินที่ปลายนิ้ว

"บ้าเอ๊ย!!!" คลินท์สบถอย่างหงุดหงิดก่อนจะป้ายมือเข้ากับชายเสื้อเพื่อเช็ดเลือดที่ดูจะไม่ยอมหยุดไหล

นายเป็นอะไรไป...............คลินท์ บาร์ตัน สำหรับนักยิงเป้านั้นสมาธิสำคัญที่สุดไม่้ใช่เรอะ คลินท์คิด

เขาอยู่ในสภาพสับสนตั้งสติไม่ได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ ในการเล็งยิงที่หากพลาดเป้าครั้งหนึ่งแล้วคือหายนะ ถ้าว่าตอนนี้เขาอยู่ในสนามรบก็คงจะตายไปแล้ว

"ถ้าอยู่ในสนามรบน่ะนายตายไปแล้ว" เสียงทุ้มดังมาจากข้างหลัง พร้อมปลายกระบอกปืนโคลท์เย็นเฉียบที่สัมผัสแนบกับกระดูกต้นคอ

"Hello, Barton"
............................................

 

Gun&Bullet

น้ำเสียงทุ้มต่ำนิ่งสงบที่เขาคุ้นเคย เสียงที่เขาโหยหาและคิดว่าไม่มีวันได้ยินมันอีกแล้ว หัวใจบีบตัวสูบฉีดเลือดแรงอย่างไม่เป็นจังหวะด้วยความตื่นเต้น

โคลสัน.........ฟิล โคลสัน เขายังอยู่ เขายังไม่ตาย คลินท์ บาร์ตันคิดอย่างดีใจที่สุดในชีวิต บุคคลคนที่เข้าถึงตัวได้แบบนี้โดยไม่ถูกเขายิงตายมีเพียงชายผู้นี้

แต่ก็เป็นแค่เพียงวูบเดียวเท่านั้น ก่อนที่เขาจะสังเกตว่ามีอะไรบางอย่างที่ผิดแปลกไปจากสิ่งที่เคยเป็น เมื่อปากลำกล้องปืนนั้นถูกลากลงมาตามแนวกระดูกสันหลังอย่างช้าๆ

"โคลสัน?"เขากล่าวเสียงสั่นเล็กน้อยอย่างไม่ตั้งใจ  ความเย็นเยียบจนน่ากลัวนั้นทำให้นักธนูคิดถึงความฝันเมื่อครู่

ร่างสันทัดในชุดสูทดำนั้นก้าวประชิดตัวบาร์ตันอย่างช้าๆ โดยที่อาวุธสังหารยังจ่ออยู่ที่ด้านหลังของเขาในตำแหน่งปลิดขั้วหัวใจ

"มากับชั้น มีคนอยากคุยกับนาย เอเจนต์ คลินท์ บาร์ตัน" เสียงเรียบนิ่งกล่าวต่อในระหว่างที่มืออีกข้างสัมผัสเข้าที่แผ่นหลัง ปลายนิ้วเย็นเฉียบจนสะดุ้งนั่นทำให้คลินท์รู้ว่า นี่ไม่ใช่โคลสัน....อย่างน้อยก็ไม่ใช่โคลสันที่เขาเคยรู้จัก

ร่างเล็กหมุนตัวหยิบอาวุธคู่ใจขึ้นบรรจุลูกศรแล้วเคลื่อนตัวออกห่างเพื่อสร้างพื้นที่ว่าง นักธนูอย่างเขามักเสียเปรียบการต่อสู้ระยะใกล้ และเขารู้ดีว่าสิ่งนี้คือทักษะพิเศษที่ฟิล โคลสันเหนือกว่าเขาหลายเท่า

เมื่อได้หันไปมองอีกฝ่ายเต็มตา นั่นคือฟิล โคลสัน ชายคนรักของเขาจริงๆ ใบหน้าคุ้นเคยของสายลับหนุ่มหน้าตาธรรมดา ที่ภายนอกดูสุภาพและสงบนิ่ง แต่มีแววตาคมกล้าแฝงแววแข็งแกร่งอยู่ภายใน

สิ่งที่แตกต่างไปคือดวงตาสีเทาของเขาถูกครอบงำด้วยประกายแสงสีฟ้าเย็นเยียบที่ทำให้คลินท์ต้องหวาดผวา แววตาของคนที่ถูกควบคุมโดยเซปเตอร์ของโลกิ ลอเฟย์ซัน

ก่อนที่จะได้คิดอะไรต่อ ปืนโคลท์ 1991 ก็ถูกขึ้นลำกล้องพร้อมเล็งยิงมาที่ขาของเขา ร่างเล็กหมุนเหวี่ยงตัวออกจากการเป็นเป้านิ่งก่อนเล็งธนูขึ้นยิง

แต่ใกล้เกินไป ลูกธนูที่ยิงออกไปพลาดเป้าอย่างน่าเสียดาย ระยะประชิดตัวแบบนี้เขาต้องใช้อาวุธอื่น คลินท์ บาร์ตันคิดก่อนหยิบมีดพกที่ซ่อนไว้ขึ้นมา

แปลก ทั้งที่อีกฝ่ายมีปืนแต่เหมือนว่าเขาไม่พร้อมที่จะใช้ยิง

เหมือนจะอ่านใจได้ ฟิล โคลสัน กล่าวเสียงเรียบ "ขอความร่วมมือด้วย บาร์ตัน เขาต้องการนายกลับไปแบบเป็นๆ"

ถือเป็นข้อได้เปรียบของเขา คลินท์พุ่งตัวเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยมีดในมือ ร่างเล็กใช้ความเร็วจู่โจมเข้าก่อนที่อีกฝ่ายจะตั้งตัว ใบมีดบางคมบาดผิวผ้าเสื้อสูทจนขาดวิ่นเป็นรอยกว้าง สร้างริ้วเลือดซึมบนผิวที่มีรอยแผลเก่าจากมีดขนาดใหญ่อยู่กลางแผงอก

แผลจากการแทงของโลกิที่น่าจะทำให้โคลสันสิ้นชีพไปก่อนหน้านั้น ฮอว์คอายชะงักงันชั่วครู่ก่อนบิดข้อมือหันสันมีดเข้าจู่โจม สายลับหนุ่มโยกหลบพร้อมจับข้อมือไว้แน่นแล้วยิ้มเย็นชา

"อ่อนเกินไปนะ จนท.บาร์ตัน"

ก่อนที่จะถูกร่างเล็กออกแรงกระชากข้อมือเหวี่ยงตัวไปกระทบผนังอย่างแรง ปืนจากมือหลุดลงพื้นถูกคลินท์เตะให้ไถลออกไป ที่แท้เป็นแผนลวงที่เขาต้องการปลดอาวุธที่อีกฝ่ายใช้ก่อนที่จะปลุกให้ฟิล โคลสันตื่น

ด้วยการจับศีรษะสายลับหนุ่มกระแทกพื้น เพื่อให้แรงสั่นสะเทือนสมองทำให้คลายจากมนต์สะกด

มือสังหารนั่งหอบอยู่ข้างร่างในชุดสูทที่นอนคว่ำหน้ากับพื้น มีเลือดไหลซึมเล็กน้อยออกมาจากเรือนผมสีดำ บางทีเขาคงออกแรงเยอะไปหน่อย คลินท์คิดแล้วโน้มตัวไปพยุงตัวอีกฝ่ายขึ้นด้วยความเป็นห่วง

ก่อนที่ชายหนุ่มจะรู้สึกว่าร่างทั้งร่างชาราวเป็นอัมพาตด้วยกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่าน ฟิลหย่อนเครื่องช็อตไฟฟ้าขนาดเล็กเท่าๆกับกล่องไม้ขีดลงในกระเป๋าเสื้อสูทของตนแล้วยืดตัวขึ้นเหนือร่างของคลินท์ บาร์ตัน

ดวงตาสีฟ้าเรืองแสงนั้นยังคงสภาพเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนแปลง เอเจนต์ฟิลปาดเลือดที่ไหลซึมที่หน้าผากก่อนโน้มตัวเข้ามาใกล้ พร้อมยิ้มบาง ยิ้มเหมือนที่ฟิลเคยยิ้มให้เขาเพียงคนเดียว ใกล้จนลมหายใจรดแผ่วที่ผิวหน้าทำให้คลินท์ไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้เห็น

นี่คือฟิลจริงๆหรือเปล่า การสะกดจิตของเทพมุสาจะทำได้ถึงขนาดทำให้ ฟิลของมัน สามารถเป็น ฟิลของเขาได้ขนาดนี้เลยหรือ คลินท์คิดด้วยสมองมึนงงสับสนจากกระแสไฟฟ้า

"ชั้นคือฟิล โคลสันที่นายรู้จักนั่นล่ะ จนท.บาร์ตัน...........ฟิลของนาย" ใบหน้าของโคลสันโน้มเข้าใกล้จนแทบจะสัมผัส ริมฝีปากกระซิบด้วยน้ำเสียงที่มีแต่คลินท์เท่านั้นที่เคยได้ยิน

"ชั้นไม่ได้ถูกสะกดจิต ชั้นแค่ตื่นแล้วจากการเป็นเบี้ยตัวหนึ่งในกระดานของฟิวรี่......แล้วค้นพบสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า......ชั้นได้พบความจริง" เสียงทุ้มนั้นดังกังวานในโสตประสาทของคลินท์ บาร์ตัน

สิ่งสุดท้ายที่เขาได้ยินก่อนจะหลับตาลงพร้อมอ้อมกอดที่ล้อมรอบตัวแนบแน่นราวกับรังอุ่นที่โอบกอดเขาไว้

"Welcome to your's nest......Barton" เสียงคุ้นเคยที่ราวจะกล่อมให้เขาหลับไหล

ก่อนที่ ฟิล โคลสัน จะแย้มยิ้มด้วยดวงตาแฝงแววเจ็บปวด

" I means TRAPNESS"

............................................

 

Sceptre/Spear

ความมืดมิดทอดตัวกว้างไกลราวไร้จุดจบ มืดจนไม่เห็นแม้กระทั่งว่าตัวเองอยู่ที่ตรงไหน มีเพียงแสงเดียวที่สาดฉายเรืองรองกลางความมืดมิด

แสงสีฟ้าเย็นเฉียบราวน้ำแข็งที่ทอประกายอยู่บนนิ้วเรียวยาวสีซีดที่กอบกุมไว้อย่างหวงแหน

ดวงตาสีเขียวสวยจ้องมองผลึกแก้วในมือก่อนยิ้มเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่ก้าวมาอย่างเงียบเชียบจนแทบไม่ได้ยิน

"กลับมาจากล่าแล้วรึ.....สัตว์ร้ายในหนังแกะ" ร่างสูงเพรียวหันไปหาต้นกำเนิดเสียงฝีเท้า แล้วก็ได้เห็นชายหนุ่มในวงแขนของโคลสันอย่างเต็มตา แล้วผุดยิ้มมุมปาก

"เจ้าได้นกน้อยของข้ามาด้วยสินะ" โลกิ ลอเฟย์ซันเอื้อมมือเข้าไปหาแต่ก็ต้องชะงักเมื่อร่างเล็กถูกดึงหนีมือตนไป

เทพมุสาส่งสายตามองชายเบื้องหน้าอย่างขัดเคือง ก่อนยิ้มเยื้อนด้วยดวงตาวาวโรจน์

"โอ้......เจ้าเหยี่ยวตาสีฟ้าที่มาพร้อมกับกรงสินะ" โลกิเยื้องกรายเข้าใกล้สายลับหนุ่มที่ค่อยๆวางชายร่างเล็กลงบนเก้าอี้อย่างทนุถนอม

"แต่เจ้าคงลืมไปว่า เจ้า ก็คือสัตว์เลี้ยงในกรงของข้าเช่นกัน....โคลสัน" นิ้วยาวแกร่งกระชากคอเสื้อที่ขาดวิ่นของโคลสันเข้ามาใกล้

รอยขาดใหญ่ที่อกเสื้อเผยให้เห็นรอยแผลนูนแดงที่เพิ่งรักษาหาย น่าแปลกที่ภายใต้ผิวนั่นคล้ายจะมีแสงสีฟ้าฉาบไว้อย่างเบาบาง

"เจ้าถูกเซปเตอร์ควบคุมอยู่ โคลสัน มากและลึกซึ้งกว่าใครๆ " ร่างสูงไล้ปลายนิ้วแผ่วที่ผิวบางของรอยแผล สีฟ้าเข้มนั่นเรื่อเรืองขึ้นราวกับจะตอบรับคำผู้เป็นนาย

"คนอื่นแค่ถูกควบคุมด้วยการสัมผัสหัวใจจากภายนอกร่างกาย แต่เจ้านั้นได้รับการถ่ายทอดพลังจากข้าไปโดยตรง" รอยยิ้มเชือดเฉือนของโลกิผุดขึ้นเมื่อสายลับหนุ่มหลับตาลงด้วยความเจ็บแปลบที่อกและปวดร้าวที่ในสมอง

"แล้วอย่าเข้าใจผิดว่ามันคือการควบคุมที่เพียงแค่ทุบหัวแรงๆแล้วจะหลุดพ้น ไม่ ไม่ ไม่ สิ่งที่ข้าควบคุมคือจิตใจ..........หัวใจ.......โคลสัน"

"เจ้าและบาร์ตัน มีหัวใจ และมันก็ได้รับการควบคุมโดยข้า" โลกิ ลอเฟย์ซันยื่นผลึกแก้วเย็นเยียบในมือเข้าไปหาที่ชายหนุ่มที่หลับไหลอยู่บนเก้าอี้ แสงสีฟ้าไหลซึมเข้าไปสู่ร่างเล็กผ่านปลายนิ้วมือเรียวยาวของเทพมุสา

ดวงตาสีฟ้าชาเย็นที่เริ่มกระพริบเปิดเปลือกตาจ้องมองชายร่างสูงเบื้องหน้า คลินท์ บาร์ตันทรุดตัวลงแทบเท้าโลกิที่ไล้นิ้วมือบางเบาบนเรือนผมสีทองของเขา

"ยินดีต้อนรับกลับสู่กรง นกน้อยตาสีฟ้าของข้า"

ชายหนุ่มร่างเล็กก้มตัวจุมพิตตอบที่หลังมือเทพมุสาด้วยความภัคดี


///////////////////////////////////////////////////////////////

จ...............จบ ไหม???

ถ้ายังมีคนอ่านและหาทางเขียนต่อได้ก็อาจจะมีต่อ 555

*Edit เพิ่มนิด เรื่องสีตากับสีผม จริงๆ เจเรมี่ เรนเนอร์เค้าตาสีเขียวอมฟ้าและมีผมสีน้ำตาลอ่อนไม่ถึงขั้นบลอนด์แต่ในคอมิคฮอว์คอายนี่ตาฟ้าหัวทองมาเชียว เลยเอาเป็นว่ากล้อมแกล้มเป็นนกน้อยตาสีฟ้าผมทองไปละกันนะ ฮาาาา


เจ้านกน้อยตาสีฟ้าของข้า......อรั๊ยยย

///////////////////////////////////////////////////////////////

แปะแฟนอาร์ตนิดนุง ช่วงที่ผ่านมาแอบไปติดใจไอเดียเทวดา Avengersที่เห็นจากใน Tumblrมา เห็นเขาวาดแฟนอาร์ตกันไปหลายคนแล้วแต่ว่าเก๊าก็ยังอยากวาดมั่งงงง

แต่เเอามาเพิ่มรายละเอียดเล็กน้อยตามจิ้นตนาการคนวาด

ปอลอ ไม่ต้องจับคู่จิ้นตามที่วาดนะ ฮาาาาาาา
ปอลอ 2 นอกจากคู่บนนี่....เทวดาแน่รึ//หน้าเถื่อนมาก 555

ดูรูปใหญ่จิ้มที่รูปไปตามลิ้งน้าาาา

Avenging ArchAngels……and plus Lucifer

Michael/Steve Rogers: The Perfect Soldier with pure white wing and pure soul
Ramiel/Thor:The Thunder of god and wing of gold
Ezekiel/Bruce Banner : Death and Transformation, he have no wing but only green radical wings likes
Gabriel/Tony Stark:The Messenger with his own-builted metal wings
Raziel/Natasha Romanoff:Keeper of secrets, and sharp-like-razer feather wing to keep out all whom want to take it from her
Uriel/Clint Barton:The eyes of heaven with soft gray wings which Not highly visible, so he can keep eye close on anything Unnoticed
And
Lucifer/Loki: The fallen Angel with remaining wings which turn to black and dark like night

และเพิ่ม....ShieldHusbands(น่าจะคลินท์/ฟิล//ทำหน้าวังเวงง์)


Icarus/Phil Coulson
I think he must be not an angel, But creat his own wing to reach the sky, to fight Lucifer(Loki) with Avenging angels(The Avengers) maybe to get closer to his admired angel Michael

โคลสันเป็นอิคารัส ไม่ใช่เทวดาแต่เป็นเทวดาแฟนบอยเพื่อจะได้เข้าใกล้เทวดาที่เขาเคารพอีกนิดจึงสร้างปีกของตนเองเพื่อเข้าร่วมสงครามสู้กับลูซิเฟอร์(โลกิ) ฟีล Angst มาอีกแล้วววหากมีเวลาอาจมีต่อยอดเป็น Avenging ArchAngels AU ได้ในภายภายหน้าล่ะ 555

ปอลอ ช่วงนี้อัพบล็อคบ่อย อย่าเบื่อกันนะเบบี๋ย์

ปอลอ 2 ช่วงนี้มีคนปั่นฟิกนี่ตีฟตีฟนี่ให้อ่านบานเยยยย สุขใจ

///////////////////////////////////////////////////////////////


ฝากเพจSuperhusbands  SteveXTony ตามเคย

ไปทำtumblr มาด้วย 555 เอาไว้สกรีมตีฟต๊ากต๊ากตีฟเฉพาะกิจ ว่างๆก็ไปฟอลโล่กันได้นะ เลิฟๆ
http://stonyxcapiron.tumblr.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น